ครีมกันแดด ผสม สารสกัดจากแพลงก์ตอนทะเล วิตามิน อี วิตามินบี 5 และ เรเดียนซ์ ซีอาร์ กิฟฟารีน กลามอรัส บูเต้ ยูวี ดีเฟนซ์ รีไวทาไลซิ่ง ครีม เอสพีเอฟ  50 พีเอ+++ (40 กรัม)

ครีมกันแดด ผสม สารสกัดจากแพลงก์ตอนทะเล วิตามิน อี วิตามินบี 5 และ เรเดียนซ์ ซีอาร์ กิฟฟารีน กลามอรัส บูเต้ ยูวี ดีเฟนซ์ รีไวทาไลซิ่ง ครีม เอสพีเอฟ  50 พีเอ+++ (40 กรัม)
Giffarine Glamorous Beauté UV Defense Revitalizing Cream SPF 50 PA+++ : Sunscreen Mixed With Plankton Extract Vitamin E Vitamin B5 and Radiance CR (40 grams)

ปกป้องผิวยาวนาน เพื่อผิวสวย กระจ่างใส ตลอดวัน

ครีมกันแดดเนื้อบางเบา ไม่เหนียวเหนอะหนะ ให้ความรู้สึกเบาสบายผิว ไม่ทิ้งคราบขาวและความมันไว้บนผิวหน้า  ช่วยปกป้องผิวไม่ให้โดนทำร้ายจากแสงแดด พร้อมทั้งช่วยฟื้นฟูและบำรุงผิวจากภายใน คืนความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ให้ผิวเปล่งปลั่ง กระจ่างใส ดูมีสุขภาพดี เหมาะสำหรับผิวธรรมดาและผิวแห้ง

• ปกป้องผิวจากแสงแดดและมลภาวะที่ทำร้ายผิวจากภายนอก: ด้วย 2 ประสิทธิภาพของสารป้องกันแสงแดด Parsol® MCX และ Parsol® 1789 ที่ช่วยปกป้องผิวทั้งจากรังสี UVA ต้นเหตุของริ้วรอยก่อนวัย จุดด่างดำ ความหมองคล้ำ และรังสี UVB ตัวการของผิวไหม้แดง พร้อมด้วยค่า SPF 50 ช่วยป้องกันรังสี UVB จากแสงแดดได้ยาวนานถึง 50 เท่า และ PA+++ ซึ่งเป็นค่าสูงสุดในการป้องกันรังสี UVA ของวิทยาการปัจจุบัน
• เติมเต็มความแข็งแรงให้ผิวจากภายใน: ด้วยสารสกัดจากแพลงก์ตอนทะเล (GP4G) วิตามิน อี (Vitamin E) และ วิตามินบี 5 (Vitamin B5) ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและน้ำหล่อเลี้ยงให้กับเซลล์ผิว ให้ผิวสุขภาพดี ผิวชุ่มชื้น ไม่แห้งกร้าน
• ฟื้นฟูผิวให้เปล่งปลั่ง กระจ่างใส: ด้วยคุณค่าของ Radiance CR เทคโนโลยี DSM จากสวิสเซอร์แลนด์

SPF คือ อะไร?

SPF ย่อมาจาก Sun Protection Factor หมายถึง ค่าการปกป้องผิวจากรังสียูวีบีของผลิตภัณฑ์กันแดด ผลิตภัณฑ์กันแดดที่มีค่า SPF สูง จะสามารถป้องกันรังสี UVB จากแสงแดดได้สูง ซึ่งรังสี UVB นี้เป็นสาเหตุของผิวไหม้ แสบแดด ค่า SPF จะบ่งบอกว่า ผลิตภัณฑ์กันแดดสามารถช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดได้นานขึ้นกี่เท่าเมื่อเทียบกับไม่ได้ทาครีมกันแดด เช่น ตามปกติแล้วผิวคนไทยเมื่อตากแดดมักจะไหม้แดงในเวลา 15 นาที หากใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 50 จะชะลออาการผิวไหม้แดงได้นานขึ้น 50 เท่า คือ (15 x 50) 750 นาที หรือ 12 ชั่วโมงเศษ

PA คืออะไร?

PA ย่อมาจาก Protection Grade of UVA หมายถึง ค่าการปกป้องรังสี UVA ซึ่งรังสี UVA มีทั้งในแสงแดดและแสงไฟ สามารถทะลุผ่านชั้นผิวหนัง ได้มากกว่ารังสี UVB จึงอาจทำลายผิวถึงโครงสร้างภายใน ก่อให้เกิดจุดด่างดำ ผิวหมองคล้ำ และริ้วรอยเหี่ยวย่น โดยค่า PA เป็นมาตรฐานการป้องกันรังสี UVA ที่ใช้ในญี่ปุ่น และบางประเทศในแถบเอเชีย ค่าสูงสุดในปัจจุบัน คือ PA++++ ซึ่งสามารถ ป้องกันรังสี UVA ได้ครบถึง 400 นาโนมิเตอร์

แพลงก์ตอน คืออะไร ?

“แพลงก์ตอน” สิ่งมีชีวิตตัวจิ๋วใต้ท้องทะเล ซึ่งนอกจากจะเป็นแหล่งสร้างออกซิเจน เป็นอาหารที่สำคัญของสัตว์นานาชนิดแล้ว ยังเต็มไปด้วยคุณประโยชน์มากมาย ที่สามารถนำมาเป็นส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง ก่อนอื่นมาทำความรู้จักเกี่ยวกับ “แพลงก์ตอน” กันก่อน

“แพลงก์ตอน” มาจากรากศัพท์ ภาษากรีกที่แปลว่า “drifting” หรือ “wanderer” ซึ่งมีความหมายว่า “ล่องลอย” หรือ “ผู้พเนจร”

“แพลงก์ตอน” เป็นสิ่งมีชีวิตที่ล่องลอยอยู่ในน้ำ ขนาดเล็กมาก ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ซึ่งหากใช้กล้องจุลทรรศน์ จะทำให้เรามองเห็นแพลงก์ตอนตัวใสหลากสีสัน โดยแพลงก์ตอนแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ “แพลงก์ตอนพืช” และ “แพลงค์ตอนสัตว์”

แพลงก์ตอนพืช

“แพลงก์ตอนพืช” เป็น แหล่งอาหารสำคัญของระบบนิเวศทางทะเล เนื่องจาก เป็น ผู้ผลิตปฐมภูมิที่สามารถผลิตอาหารได้เองผ่านกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง ซึ่งจะถูกบริโภคโดยสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กอย่าง “แพลงก์ตอนสัตว์” จนไปถึง สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง “วาฬ”

เมื่อ “แพลงก์ตอนสัตว์” บริโภค “แพลงก์ตอนพืช” เพื่อการเจริญเติบโตแล้ว สัตว์ขนาดเล็กชนิดอื่น ๆ ก็จะบริโภค “แพลงก์ตอนสัตว์” ต่อกันไปเป็นทอดๆ และกลายเป็น “ห่วงโซ่อาหาร” นั่นเอง

เพราะฉะนั้น “แพลงก์ตอน” จึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อ “ห่วงโซ่อาหาร” ในมหาสมุทร หากขาด “แพลงก์ตอน” ไปสิ่งมีชีวิตทุกชนิดในมหาสมุทรที่อยู่ใน “ห่วงโซ่อาหาร” ก็จะได้รับผลกระทบทั้งหมด ตัวอย่าง “แพลงก์ตอนพืช” เช่น สาหร่ายสีเขียว สาหร่ายสีแดง สาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงิน ไดอะตอม โปรโตซัวที่สามารถสังเคราะห์แสงได้บางชนิด เป็นต้น

แพลงก์ตอนสัตว์

“แพลงก์ตอนสัตว์” เป็น สิ่งมีชีวิตที่สร้างอาหารเองไม่ได้ จึงกิน “แพลงก์ตอนพืช” เป็นอาหาร โดย “แพลงก์ตอนสัตว์” จะเป็นอาหารของ ปลา กุ้ง และสัตว์น้ำขนาดใหญ่อื่น ๆ อีกทอดหนึ่ง

“แพลงก์ตอนสัตว์” ประกอบด้วยสัตว์หลายขนาดตั้งแต่ โปรโตซัว (Protozoal) ขนาดเล็กไปจนถึงสัตว์ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น โดยส่วนใหญ่ เป็น ไปในรูปแบบของ ตัวอ่อนของปลา และสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง ซึ่งต่อมาจะเจริญเติบโตและกลายเป็นตัวเต็มวัยนั่นเอง

การเคลื่อนไหวของ “แพลงก์ตอนสัตว์” ที่เคลื่อนที่ไปพร้อมกับกระแสน้ำทำให้มันสามารถหาอาหาร และยังป้องกันตัวเองจากนักล่าได้อีกด้วย ตัวอย่าง “แพลงก์ตอนสัตว์” เช่น ตัวอ่อนของกุ้ง ปู แมงกะพรุน และลูกปลาขนาดเล็ก เป็นต้น

ประโยชน์ของ สารสกัดแพลงก์ตอน (Plankton extract)

1. ช่วยให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว เพราะ ความชุ่มชื้นเป็นคุณสมบัติพื้นฐานของการมีผิวที่แข็งแรง สารสกัดแพลงก์ตอนจะเข้าไปกักเก็บ และโอบอุ้มความชุ่มชื้นให้กับผิว เมื่อผิวเรามีความชุ่มชื้นที่เพียงพอจะช่วยลดผิวที่แห้งกร้านให้กลับมาชุ่มชื้น ผิวแข็งแรง เต่งตึง
2. ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ซึ่ง คอลลาเจนเป็นส่วนประกอบของผิวซึ่งมีมากถึง 75% ช่วยให้ผิวยืดหยุ่น เรียบเนียน ซึ่งสารสกัดจากแพลงก์ตอนจะเข้าไปช่วยสร้างคอลลาเจน และอีลาสติน ลดริ้วรอยต่าง ๆ บนผิว ช่วยให้ผิวแลดูอ่อนเยาว์ ปรับให้ผิวอิ่มเด้ง ยืดหยุ่น และเรียบเนียน
3. ช่วยลดเลือนริ้วรอย เพราะ ริ้วรอยเกิดจากการที่คอลลาเจนและอีลาสตินในร่างกายลดลงตามอายุที่มากขึ้น ทำให้ผิวไม่ยืดหยุ่น ไม่ชุ่มชื้น เซลล์ผิวหนังเสื่อมสภาพลง ซึ่งจากที่สารสกัดแพลงก์ตอนช่วยปรับผิวให้ชุ่มชื้น กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน จึงทำให้แพลงก์ตอนมีคุณสมบัติลดริ้วรอยไปด้วย ปรับร่องลึกให้แลดูตื้นขึ้น รวมทั้งกระชับรูขุมขน
4. ช่วยลดจุดด่างดำ รอยแดง รอยดำ สารสกัดแพลงก์ตอนช่วยลดจุดด่างดำ ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ ผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน โดยจะทำให้สว่างกระจ่างใสขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
5. ช่วยซ่อมแซมผิว สารสกัดแพลงก์ตอนช่วยซ่อมแซมผิวแบบองค์รวม โดยช่วยลดปัญหาผิวที่แห้งกร้าน คล้ำเสีย ย่อนคล้อย ให้กลับมาชุ่มชื้น กระจ่างใส เผยผิวสุขภาพดี เรียกได้ว่า ฟื้นฟูสุขภาพผิวแบบครบวงจร
6. ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดด แสงแดดในประเทศไทยปัจจุบันค่อนข้างแรง ส่งผลให้ผิวหมองคล้ำ เกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ สารสกัดแพลงก์ตอนสามารถปกป้องผิวจากรังสี UVB ได้อย่างดีเยี่ยม จึงช่วยลดปัญหาต่าง ๆ ที่กล่าวไปข้างต้นได้ นอกจากนี้ยังสามารถปกป้อง DNA ของเซลล์ผิวได้อีกด้วย

ประโยชน์ของ วิตามิน อี

ประโยชน์ของการใช้ ผลิตภัณฑ์ ที่มีส่วนผสมของ วิตามิน อี ในการป้องกันและรักษาผิวพรรณ

1. ช่วยลดอัตราการทำลายของแสงแดด ที่ทำให้เกิดรอยแดง
2. ลดอัตราการเกิดมะเร็งผิวหนังจากแสงแดด
3. ช่วยชลอความชราภาพของผิว ลดริ้วรอยเหี่ยวย่น แตกลาย
4. การให้ความชุ่มชื้นและ ลดความหยาบกร้านของผิวพรรณ

ประโยชน์ของ วิตามินบี 5 (Vitamin B5) กับผิว

1. ช่วยให้ความชุ่มชื้น กักเก็บความชุ่มชื้น
2. เป็นเกราะกำบังให้กับผิว (skin barrier)
3. ช่วยป้องกันการสูญเสียความชุ่มชื้น
4. ช่วยบำรุงผิว ลดการอักเสบ ลดรอยแดง ลดอาการแพ้คัน ช่วยสมานแผล
5. ช่วยบรรเทาอาการคัน จากการแพ้
6. ช่วยลดรอยแดง
7. ช่วยสมานแผล และเร่งการสร้างเนื้อเยื่อชั้นผิวใหม่
8. ช่วยบำรุงให้สุขภาพผมดี ให้ความชุ่มชื้นแก่เส้นผม และให้ผมแข็งแรงเงางาม
9. ช่วยกระตุ้นกระบวนการรักษาผิว
10. ดูดซับความชุ่มชื้นได้อย่างรวดเร็ว

วิธีใช้ : หลังทำความสะอาดผิวหน้า ลูบไล้เนื้อครีมให้ทั่วผิวหน้าและลำคอ เป็นประจำทุกเช้า

การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ สําหรับผิวหน้า ให้เหมาะสมกับความต้องการของผิว

หลักการใช้ผลิตภัณฑ์ ถนอมผิวชนิดยกกระชับ

ควรวอร์มผลิตภัณฑ์ก่อนทาผิวเสมอ เริ่มจากตักแบ่งหรือปั๊มผลิตภัณฑ์ในปริมาณที่พอเหมาะ ลงบนฝ่ามือ และ ใช้นิ้วมืออีกข้างนวดวนเพื่อให้ เนื้อครีมอุ่นขึ้น จนเนื้อครีมมีสีจางลง และมีความข้นลดลง

วิธีการทา

1. ใช้นิ้วลูบไล้ผลิตภัณฑ์บริเวณหน้าผาก ลูบไล้ขึ้นไปที่แนวไรผม แล้วนวดเบาๆ จากหว่างคิ้วถึงขมับ ยกค้างไว้ชั่วครู่
2. แตะผลิตภัณฑ์บริเวณแก้มด้านใน ลูบไล้ออกไปที่โหนกแก้ม ยกค้างไว้ชั่วครู่
3. แตะผลิตภัณฑ์บริเวณใต้คาง ลูบไล้อย่างเบามือขึ้นไปที่หางตา แล้วยกค้างไว้ชั่วครู่
4. แตะผลิตภัณฑ์บริเวณมุมปาก กดเบาๆ เพื่อยกมุมปาก แล้วลูบไล้ออกไปทางจอน ยกค้างไว้ชั่วครู่
5. แตะผลิตภัณฑ์ที่ปลายคางลูบไล้ไปตามแนวขากรรไกรจนถึงติ่งหู ยกค้างไว้ชั่วครู่
6. แตะผลิตภัณฑ์บริเวณลําคอ ใช้ปลายนิ้วนวดจากบริเวณไหปลาร้า ขึ้นมาที่แนวขากรรไกรทีละด้าน จนทั่วลําคอ

ขั้นตอนแห่งการผ่อนคลายผิวหน้า

ควรวอร์มผลิตภัณฑ์ก่อนทาผิวเสมอ เริ่มจากตักแบ่งหรือปั๊มผลิตภัณฑ์ในปริมาณที่พอเหมาะ ลงบนฝ่ามือ และ ใช้นิ้วมืออีกข้างนวดวนเพื่อให้ เนื้อครีมอุ่นขึ้น จนเนื้อครีมมีสีจางลง และมีความข้นลดลง

วิธีการทา

1. แต้มผลิตภัณฑ์บริเวณใต้ตา แล้วนวดวนเบาๆ บริเวณหัวตาไปหางตา พร้อมกดเบาๆ เพื่อยกหางตาขึ้น
2. แต้มผลิตภัณฑ์แล้วลูบไล้ไปตามสันจมูกขึ้นไปจนถึงหัวคิ้ว โดยคลึงเบาๆ เพื่อผ่อนคลายริ้วรอยบริเวณหัวคิ้ว
3. แต้มผลิตภัณฑ์บริเวณกึ่งกลางหน้าผาก แล้วลูบไล้ไล่ขึ้นไปสู่แนวไรผม และนวดเบาๆ จากระหว่างคิ้วจนถึงขมับ พร้อมยกค้างไว้สักครู่ เพื่อยกกระชับผิว
4. แต้มผลิตภัณฑ์บริเวณร่องแก้มและมุมปาก แล้วนวดวนเบาๆ เพื่อผ่อนคลายผิว (ควรใช้ร่วมกับเฟซ คอนทัวร์ แอพพลิเคเตอร์)
5. แต้มผลิตภัณฑ์บริเวณแก้มด้านใน แล้วลูบไล้ออกไปที่โหนกแก้ม ยกค้างไว้ชั่วครู่ ทําจนทั่วใบหน้า

เพื่อการบํารุงผิวบริเวณที่แห้งหรือมีริ้วรอยเป็นพิเศษ โดยเฉพาะผิวรอบดวงตา หลังจากบํารุงด้วยซีรั่ม สามารถใช้ กิฟฟารีน แอสตาแซนธิน เอจ-ดีไฟอิ้ง เฟเชียล ครีม เพิ่มเติมได้ทั้งเช้าและก่อนนอน

เตรียมผิวพร้อมรับ Summer

กับ ชุดผลิตภัณฑ์ ครีมกันแดด ที่มีให้เลือกแบบจุใจ ชอบตัวไหน ให้ไปเลือกเอา

อ่อนโยนเหมาะกับ ทุกสภาพผิว นวัตกรรมกันแดด แบบครบสูตร ปกป้องผิวถึง 4 ชั้น กันแดด, กันน้ํา, กันมลภาวะ และฝุ่นละออง กิฟฟารีน มัลติ โพรเทคทีฟ ซันสกรีน SPF 50+ PA++++

อ่อนโยนเหมาะกับ ทุกสภาพผิว กันแดด ซึมเร็ว บางเบา สบายผิว ปกป้องพร้อมบํารุงให้ผิวแลดูกระจ่างใส ด้วยคุณค่าสารสกัดจาก Edelweiss และ Alpinia White กิฟฟารีน เอดดัลไวส์ ไวท์ฺเทนนิ่ง โพรเทคทีฟ เดย์ โลชั่น เอสพีเอฟ 50 พีเอ+++

เหมาะกับ ผิวธรรมดา ผิวแห้ง ครีมกันแดดเนื้อนุ่ม มอบผิวชุ่มชื้น ไม่เหนอะหนะ ปกป้องผิวยาวนานเป็นพิเศษ กิฟฟารีน กลามอรัส บูเต้ ยูวี ดีเฟนซ์ รีไวทาไลซิ่ง ครีม เอสพีเอฟ 50 พีเอ+++

เหมาะกับ ผิวมัน ผิวผสม ยกระดับการปกป้องผิวจากรังสียูวี พร้อมสารต้านอนุมูลอิสระ ประสิทธิภาพสูง มอบสัมผัสบางเบา สบายผิว กิฟฟารีน กลามอรัส บูเต้ อัลตร้า ยูวี โพรเท็คชั่น เอสพีเอฟ 50 พีเอ++++

ปกป้องผิวจากรังสี UV พร้อมปรับผิวไบรท์ เด้ง เรียบเนียนทันที มีให้เลือก 3 เฉดสี
No.01 Pink Rose เหมาะสําหรับ : ผิวขาวอมชมพู กิฟฟารีน รีแพรี่ สเนล คัลเลอร์ มอยส์เจอร์ ซันสกรีน เอสพีเอฟ 50+ พีเอ+++
No.02 Natural Ivory เหมาะสําหรับ : สําหรับผิวขาวเหลือง กิฟฟารีน รีแพรี่ สเนล คัลเลอร์ มอยส์เจอร์ ซันสกรีน เอสพีเอฟ 50+ พีเอ+++
No.03 Beige เหมาะสําหรับ : สําหรับผิวสองสี / ผิวคล้ํา กิฟฟารีน รีแพรี่ สเนล คัลเลอร์ มอยส์เจอร์ ซันสกรีน เอสพีเอฟ 50+ พีเอ+++

รัก sport & on the beach ตัวนี้เอาอยู่ โลชั่นกันแดดประสิทธิภาพสูง ปกป้องผิวจากรังสียูวี ยาวนานตลอดวัน กิฟฟารีน ซุปเปอร์ ซัน โพรเทคชั่น เอสพีเอฟ 50+ พีเอ++++

ผลิตภัณฑ์ กิฟฟารีน กลามอรัส บูเต้ ซีรี่ย์

ชุดผลิตภัณฑ์บำรุงผิว กลามอรัส บูเต้ ซึ่งถูกรังสรรค์ขึ้นเพื่อตอบโจทย์ของปัญหาผิวที่ร่วงโรย ช่วยย้อนเวลาให้ผิว เพื่อผิวอ่อนเยาว์ ตึงกระชับ กระจ่างใส ด้วยส่วนผสมของ “เรเดียนซ์ ซีอาร์” (Radiance CR) เทคโนโลยี DSM จากสวิสเซอร์แลนด์ ที่ผสานการทำงานระหว่าง “วิตามินซี (Vitamin C)” และ “โคเอ็นไซม์อาร์ Coenzyme R” “วิตามิน เอช (Vitamin H) หรือ ไบโอติน (Biotin)” ช่วยลดเลือนสีผิวหมองคล้ำให้กลับมากระจ่างใส มีชีวิตชีวา พร้อมทั้งโอบอุ้มความชุ่มชื้น ซึ่งเป็นเสมือนเกราะป้องกันริ้วรอยให้แก่ผิว

เรเดียนซ์ ซีอาร์ Radiance CR คืออะไร?

“เรเดียนซ์ ซีอาร์” (Radiance CR) เทคโนโลยี DSM จากสวิสเซอร์แลนด์ ที่ผสานการทำงานระหว่าง “วิตามินซี (Vitamin C)” และ “โคเอ็นไซม์อาร์ Coenzyme R” “วิตามิน เอช (Vitamin H) หรือ ไบโอติน (Biotin)” ช่วยลดเลือนสีผิวหมองคล้ำให้กลับมากระจ่างใส มีชีวิตชีวา พร้อมทั้งโอบอุ้มความชุ่มชื้น ซึ่งเป็นเสมือนเกราะป้องกันริ้วรอยให้แก่ผิว
* มีงานวิจัยทั้งในยุโรปและเมืองไทยแล้วว่า เรเดียนซ์ อาร์ (Radiance CR) ช่วยปรับสภาพผิวให้นุ่มนวล เรียบเนียน และกระจ่างใสขึ้นใน 8 สัปดาห์

• ทดสอบในกลุ่มตัวอย่างชาวเยอรมัน โดย DSM สวิตเซอร์แลนด์
• ทดสอบในกลุ่มตัวอย่างชาวไทย 100 ราย โดยกิฟฟารีนร่วมกับ DSM สวิตเซอร์แลนด์