เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ ประโยชน์ของ ทับทิม มะเขือเทศ และ ไลโคปีน โดย กิฟฟารีน ไลโคปีน

“เรื่องน่ารู้ ของ ทับทิม มะเขือเทศ และ ไลโคปีน” ทางเราจัดให้อยู่ในหมวดหมู่ สารอาหารเพื่อความงาม ซึ่งทางเราขอนำเสนอเป็น อันดับแรก นะครับ เรามาลองทำความรู้จัก กับ “ทับทิม มะเขือเทศ และ ไลโคปีน” กันครับ

สารบัญ

เรื่องน่ารู้ ของ ทับทิม

“ทับทิม” เป็นผลไม้ที่สวยงาม และมีกลิ่นหอมมาก “ทับทิม” สามารถปลูกได้ในประเทศไทย แต่ที่แท้จริงเป็นผลไม้ที่มีต้นกำเนิดมาจากเปอร์เซีย (ประเทศอิหร่านในปัจจุบัน) ทับทิม เป็นผลไม้ที่ศักดิ์สิทธิ์ในประวัติศาสตร์ พบว่าได้มีการนำทับทิมมาทำเป็นยารักษาโรคตั้งแต่ 8,000 ปีมาแล้ว

“ตำนานเปอร์เชียโบราณ” เชื่อว่า คุณค่าทางอาหารทุกชนิดที่อยู่ในผลไม้ต่างๆนั้น รวมกันอยู่ในทับทิม ทับทิมเป็นผลไม้ที่ได้รับการเพาะปลูกกันอย่างแพร่หลาย และ ทำ ผลิตภัณฑ์ไปทั่วไลก ในทับทิม มีสารต้านอนุมูลอิสระ หลายชนิด ซึ่งมีมาก ทั้งในเปลือก เมล็ด และ น้ำทับทิม ได้แก่ Polyphenols, Anthocyanins, Anthocyanidins, Ellagic acid derivatives และ Hydrolyzable tannins

“ตำนานกริกโบราณ” เชื่อว่า เป็นผลไม้แห่งชีวิตจากสวนสวรรค์ ใช้เป็นสัญลักษณ์ของความสามารถในการสืบพันธุ์ และการเกิดใหม่ และเป็นสัญลักษณ์ของความศิวิไลซ์ของมนุษย์

“ทับทิม” เป็นไม้พุ่มถึงไม้ขนาดใหญ่ สูงถึง 5 เมตร “เปลือก” ของต้นทับทิบมีสีน้ำตาล “กิ่ง” เจริญใหม่จะมีสีแดง “ใบ” ขนาดเล็กเรียว มักยาว 3-7 ซม. กว้าง 2 ซม. ใบเรียงแบบตรงกันข้าม มีสีเขียวตลอดทั้งปี “ดอก” ใหญ่เส้นผ่าศูนย์กลาง 5-12 ซม. สีแดงอมส้ม “ผล” ทับทิมขนาดใหญ่มีมงกุฎ ผลมีเมล็ดจำนวนมาก “เมล็ด” มีน้ำบรรจุอยู่ มีรสหวานหรือเปรี้ยวอมหวาน

สรรพคุณของ ทับทิม
  1. ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใสมีน้ำมีนวล
  2. ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระช่วยในการชะลอวัยให้ดูอ่อนวัย
  3. น้ำทับทิมมีคุณสมบัติช่วยให้ผิวหน้าเต่งตึงมีน้ำมีนวล ด้วยการนำน้ำทับทิบมาทาหน้า
  4. ช่วยปกป้องผิวของคุณจากแสงแดด
  5. ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานให้แข็งแรง บรรเทาอาการหวัด
  6. น้ำทับทิมช่วยเพิ่มความสดชื่น แก้กระหาย คลายร้อนได้เป็นอย่างดี
  7. ช่วยบรรเทาอาการแพ้ท้องในหญิงตั้งครรภ์
  8. ช่วยในการปรับฮอร์โมนวัยทอง
  9. ช่วยป้องกันโรคความจำเสื่อมในผู้สูงอายุ
  10. ช่วยในการบำบัดอาการของโรคเบาหวาน
  11. ช่วยบำรุงสายตา
  12. ช่วยบรรเทาอาการของโรคหัวใจ
  13. ช่วยบำรุงสุขภาพฟันให้แข็งแรง
  14. ป้องกันการเกิดโรคกระดูกพรุน
  15. ช่วยลดความดันโลหิตสูง
  16. ช่วยส่งเสริมการทำงานของหลอดเลือด
  17. ช่วยในการฟอกไตและท่อปัสสาวะ
  18. ช่วยลดสภาวะการแข็งตัวของเลือดจากไขมันในเลือดสูง
  19. มีฤทธิ์ในการต่อต้านเชื้อแบคทีเรียต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี
  20. ช่วยบำรุงสุขภาพตับให้แข็งแรง
  21. มีส่วนช่วยบำรุงและต่อต้านอาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศได้ด้วย
  22. เปลือกทับทิมสามารถรักษาโรคท้องเดินและโรคบิดได้ เพราะมีสารในกลุ่มแทนนินอยู่ในปริมาณมาก
  23. เปลือกทับทิมมีสรรพคุณช่วยลดการอักเสบ
  24. เปลือกผลช่วยรักษาแผลหิด กลากเกลื้อน
  25. เปลือกของทับทิมช่วยต้านการหดเกร็งของกล้ามเนื้อ
  26. ยาต้มจากเปลือกผลช่วยรักษาอาการอุจจาระร่วงได้ โดยช่วยลดจำนวนครั้งในการขับถ่ายและทำให้ระยะเวลาเริ่มถ่ายครั้งแรกนานขึ้น
  27. ดอกทับทิมใช้ห้ามเลือดได้ ด้วยการนำดอกแห้งมาบดให้ละเอียดแล้วนำมาทาหรือโรยใส่บริเวณบาดแผล
  28. ดอกทับทิมช่วยแก้อาการหูชั้นในอักเสบ
  29. ช่วยลดปัญหาผมร่วง โดยการทาที่ศรีษะ
  30. ทับทิมช่วยต่อต้านการเกิดโรคมะเร็งได้มากกว่า 13 ชนิด โดยช่วยให้เซลล์มะเร็งไม่เพิ่มจำนวนขึ้น เช่น มะเร็งผิวหนัง มะเร็งตับ มะเร็งลำไส้ เป็นต้น
  31. ช่วยในการทำลายเซลล์มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งลำไส้ใหญ่
สารสกัดจากทับทิม (Pomegranate Extract) กับ การวิจัยทางการแพทย์
  1. ทับทิม มีสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิดที่มีประสิทธิภาพสูงมาก (อ้างอิงที่ 1 )
  2. สามารถลดภาวะการสะสมไขมันในผนังเส้นเลือด ป้องกันเส้นเลือดอุดตันและแข็งตัวซึ่งจะให้เป็นโรคหัวใจขาดเลือดตามมา ทั้งในคนและในหนูทดลอง ( อ้างอิงที่ 2, 3 )
  3. ทำให้เส้นเลือดที่หนาตัวและมีไขมันสะสมแล้วซึ่งเป็นเส้นเลือดที่ไม่ดีแล้ว มีความหนาตัวลดลง และลดไขมันที่สะสมลงอีกด้วยในหนูทดลอง (อ้างอิงที่ 4)
  4. บำรุงหัวใจในผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจขาดเลือด โดยเพิ่มการไหลเวียนที่ดีขึ้นและลดภาวะหัวใจขาดเลือดในผู้ป่วยโรคหัวใจ (อ้างอิงที่ 5)
  5. ลดความดันโลหิตได้เล็กน้อย ประมาณ 5% ในผู้ป่วยที่ความดันโลหิตสูง ถ้ารับประทานน้ำทับทิมวันละ 50 ซีซี เป็นเวลาสองสัปดาห์ ( อ้างอิงที่ 6 )
  6. บำรุงตับ ป้องกันการเป็นพิษต่อตับ ได้ ( Hepatoprotectiv effect ) ( อ้างอิงที่ 7 )
  7. สารต้านอนุมูลอิสระจากน้ำทับทิมมีผลยับยั้งเซลล์มะเร็งเต้านมของมนุษย์ ( Human breast cell ) ( อ้างอิงที่ 8)
  8. สารสกัดจากทับทิม ช่วยยับยั้งเซลล์มะเร็งต่อมลูกหมากของมนุษย์ ทั้งการแบ่งตัวและการแพร่กระจาย ( อ้างอิงที่ 9 ) และมีงานวิจัยที่แนะนำให้กินหวังผลในการป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมาก ( อ้างอิงที่ 10 )
  1. ลดการเกิดตะกอน “Plaque (คราบจุลินทรีย์)” ในเส้นเลือด
  2. ยับยั้งและทําลายเซลล์มะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งลําไส้ใหญ่และมะเร็งเม็ดโลหิตขาว HL 60 ของคนได้
  3. มีสารต้านอนุมูลอิสระมาก
  4. บํารุงตับ
  5. มีงานวิจัยในผู้ป่วยเบาหวานว่า ช่วยลดภาวะไขมันในเลือดสูง หรือผิดปกติ อาจช่วยลด ความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจในเบาหวาน
  1. มีวิตามินซีและคอลลาเจนสูงมาก จึงช่วยบำรุงผิวให้ดูกระจ่างใสและเปล่งปลั่ง
  2. มีสาร Anthocyanin และ Hydrolysable ที่จะช่วยป้องกันอนุมูลอิสระไปทำลายเซลล์ผิว ฟื้นฟูสภาพผิวและช่วยให้ผิวสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ชะลอการเกิดริ้วรอยและความหย่อนคล้อย
  3. บรรเทาอาการผิวไหม้ ลดอาการอักเสบของผิวจากแสงแดด และมีสารป้องกันรังสีอัลตราไวโอเลตที่ช่วยปกป้องผิวจากการทำลายของอนุมูลอิสระ
  4. ด้วยโครงสร้างโมเลกุลขนาดเล็กของสารสกัดจากทับทิม จะช่วยให้ซึมซับลงสู่ผิวได้ง่าย ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวมีสุขภาพดี
  5. ช่วยในการลดฝ้า กระ จุดด่างดำจากสิวให้จางหาย เพราะทับทิมเป็นแหล่งรวมวิตามินเอ ซี ดี อี และ AHA Complex ซึ่งเป็นกรดผลไม้ที่จะช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกอย่างอ่อนโยน

ถึงแม้ว่า สารสกัดทับทิม จะมีประโยชน์อย่างมากในด้านของผิวพรรณ แต่ความจริงแล้ว สารสกัดทับทิม นั้นยังมีประโยชน์มีมากมายแฝงอยู่ โดยเฉพาะการดูแลเส้นผม ซึ่งมีประโยชน์ดังนี้

  1. ช่วยเสริมสร้างรูขุมขน ในเมล็ดทับทิมนั้นมีกรดพูนิซิคที่ช่วยทำให้รูขุมขนแข็งแรงขึ้น และยังทำให้เลือดไหลเวียนไปที่หนังศีรษะอย่างเหมาะสมอีกด้วย และยังช่วยในการกระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผม โดยการดึงน้ำมันตามธรรมชาติในเส้นผมออกมาและป้องกันผมขาดร่วง นอกจากนี้สารต้านอนุมูลอิสระจำนวนมากยังส่งเสริมการเจริญเติบโตของเส้นผมและช่วยป้องกันการหลุดร่วงของเส้นผม
  2. ช่วยรักษาผมแห้งและชี้ฟู น้ำมันทับทิมจะช่วยบำรุงหนังศีรษะและเส้นผมอย่างล้ำลึก ทำให้ผมดูนุ่มสลวย จัดทรงง่าย และมีสุขภาพดี และช่วยให้ความชุ่มชื้นแก่หนังศีรษะที่แห้งและระคายเคืองมาก
โรค หรือ ภาวะที่จะแนะนำ ในการใช้ สารสกัดจากทับทิม (Pomegranate Extract)
  • โรคตับ
  • โรคหัวใจ
  • อัมพาต อัมพฤกษ์
  • มะเร็งเต้านม
  • โรคเบาหวาน
  • ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งลําไส้
ข้อห้าม ข้อควรระวัง ในการใช้ ทับทิม
  • น้ําทับทิม ห้ามใน โรคล้างไตฟอกเลือด (ทานชนิดเม็ดได้) แต่ถ้าเป็นโรคตับรุนแรง (SGOT, SGPT มากกว่า 40 IU) แนะนําน้ําทับทิม และห้ามชนิดเม็ด
  • โรคเบาหวาน รับประทานน้ําทับทิมได้ ในปริมาณไม่มาก แต่ถ้ามีระดับน้ําตาลในเลือดสูง แนะนําให้รับประทาน ทับทิม ชนิดเม็ดจะดีกว่าชนิดน้ํา
  • ในสัตว์ทดลองมีรายงานว่า อาจจะ ทําให้ความดันต่ํา เมื่อทานกับยาลด ความดันบางชนิดจึงควรระวังความดันต่ำ ในคนด้วย

หมายเหตุ

  • น้ําทับทิม เมื่อเปิดใช้ ต้องใส่ตู้เย็นเสมอ เพราะไม่มีสารกันบูดจะเสียได้ง่าย
  • ในผู้ป่วย เบาหวาน การรับประทานน้ําทับทิมมากๆ ทําให้น้ําตาลใน เลือดสูงได้
  • น้ําทับทิม เป็นน้ําผลไม้ บํารุงตับ ไม่จัดเป็น สมุนไพร
  • ทับทิมชนิดเม็ด มีส่วนที่ทําจากเปลือกทับทิมด้วย จึงจัดเป็นสมุนไพร และห้าม รับประทานในผู้ที่ตับอักเสบมาก คือมีค่า เอนไซม์ SGOT SGPT มากกว่า 40 IU

เรื่องน่ารู้ ของ มะเขือเทศ (Tomato)

“มะเขือเทศ (Tomato)” คือ พืชล้มลุกชนิดหนึ่ง มีชื่อวิทยาศาสตร์ Lycopersicon Esculentum Mill. จัดอยู่ในวงศ์มะเขือ ( SOLANACEAE ) ซึ่งสมัยก่อนประวัติศาสตร์ไม่ได้รับความสนใจมากนัก จนต่อมาได้มีการพัฒนาสายพันธุ์ตามธรรมชาติ มนุษย์จึงได้เริ่มนำมาเพาะปลูกเป็นอาหาร

โดย “ชนพื้นเมือง” ที่นำมะเขือเทศมาปลูกอย่างแพร่หลายเป็นครั้งแรก ก็คือชาวพื้นเมือง “เอซเท็ค ( Aztecs “) ในประเทศเม็กซิโกนั่นเอง

ซึ่ง “มะเขือเทศ (Tomato)” จัดเป็นแหล่ง “วิตามินซี (Vitamin C)” ที่ดีก็ว่าได้ โดยผลขนาดกลางให้แคลอรี่เพียง 22 แคลอรี่ มีหลายสายพันธุ์ เช่น มะเขือเทศสีดา มะเขือเทศเชอรี่ มะเขือเทศราชินี มีสารต้านอนุมูลอิสระที่เรียกว่า ไลโคปีน และวิตามินซี

อย่างที่ทราบกันดี “มะเขือเทศ (Tomato)” ลูกเดียวให้ “วิตามินซี (Vitamin C)” ได้สูงถึง 40 เปอร์เซ็นต์

และ “วิตามินเอ (Vitamin A)” ที่ช่วยในการมองเห็น ระบบภูมิคุ้มกันที่ดี และบำรุงผิวพรรณให้กระจ่างใส

“วิตามินเค (Vitamin K)” ที่ดีต่อกระดูก “โพแทสเซียม (Potassium)” เป็นสารอาหารสำคัญสำหรับการทำงานของหัวใจ การหดตัวของกล้ามเนื้อ และการรักษาความดันโลหิต นิยมนำมาใส่ลงไปในอาหาร ทำเป็นเครื่องดื่ม หรือรับประทานสดก็ได้

มะเขือเทศ (Tomato) สรรพคุณหลากหลาย

“มะเขือเทศ (Tomato)” อุดมไปด้วยวิตามินและสารอาหารมากมายหลายชนิด และที่โดดเด่นที่สุด ก็คือ “วิตามินซี (Vitamin C)” และ “วิตามินเอ (Vitamin A)” ที่พบได้มากในมะเขือเทศ แถมยังเป็นวิตามินที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอีกด้วย

“มะเขือเทศ (Tomato)” มีสารจำพวก “ไลโคปีน ( Lycopene )” ที่จะช่วยต้านอนุมูลอิสระและลดความเสี่ยงโรคร้ายต่างๆ ที่เกิดจากการติดเชื้อการเสื่อมของร่างกายได้ดี เช่น โรคมะเร็ง โรคหัวใจ ข้อเสื่อม โรคหลอดเลือด และโรคตาต้อกระจก เป็นต้น

“มะเขือเทศ (Tomato)” มีส่วนช่วยในการป้องกันโรคความดันโลหิตสูง แก้แผลร้อนในช่องปาก เป็นยาช่วยดับร้อนถอนพิษ และสามารถบรรเทาอาการของโรคหัวใจได้อย่างดีเยี่ยม

  • “ผล” ของมะเขือเทศเป็นยาระบายอ่อนๆ แก้กระหายน้ำและเบื่ออาหาร
  • “ต้น” มะเขือเทศมีสารสำคัญ คือโทมาทีน ( tomatine ) ซึ่งมีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญของเชื้อราและแบคทีเรียบางชนิดที่เป็นต้นเหตุของโรคในพืชและคน
  • “รากและใบแก่” ต้มกินแก้ปวดฟัน ใบบดเป็นผงละเอียด เป็นยาเย็น ใช้ทาผิวถูกแดดเผา
  • “ใบ” ชงกับน้ำร้อนใช้เป็นยาพ่นกำจัดหนอนที่มากินผักได้
  1. ต่อต้านอนุมูลอิสระ
  2. ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว
  3. เป็นการสร้างเกราะป้องกัน
  4. ให้กับคอลลาเจนในชั้นผิว
ตัวอย่างงานวิจัยเกี่ยวกับ มะเขือเทศ และ การรักษาโรค ( การรักษาทางเลือกจากธรรมชาติ )
โรคหอบหืด

สารต้านอนุมูลอิสระ อาจจะช่วยกระตุ้นให้เม็ดเลือดขาวทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการป้องกันและขจัดการอักเสบในระบบทางเดินหายใจ แต่การศึกษาความสัมพันธ์กับการเกิดโรคหอบหืดยังมีอยู่จำกัด

มีงานวิจัย ผู้ป่วยโรคหอบหืดและการอักเสบของทางเดินลมหายใจ โดยให้ลองรับประทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระต่ำเป็นเวลา 10 วัน จากนั้นให้รับประทานยาหลอก 7 วัน ตามด้วยสารสกัดจากมะเขือเทศที่มีปริมาณไลโคปีน 45 มิลลิกรัมต่อวันอีก 7 วัน และต่อด้วยน้ำมะเขือเทศที่มีปริมาณไลโคปีน 45 มิลลิกรัมต่อวันอีก 7 วัน

ผลพบว่า การบริโภค “ไลโคปีน ( Lycopene )” อาจช่วยลดการอักเสบของปอดในโรคหืด ทั้งนี้ ไลโคปีน ในรูปแบบอาหารเสริมควรได้รับการศึกษาเพิ่มเติม และระยะเวลาในการศึกษาค่อนข้างสั้น การระบุประสิทธิภาพของมะเขือเทศต่อการบรรเทาอาการโรคหอบหืดยังคงต้องมีการค้นคว้าเพิ่มขึ้น

โรคหัวใจและหลอดเลือด

การศึกษาปริมาณ ไลโคปีน แอลฟาแคโรทีน เบตาแคโรทีน แอลฟาโทโคฟีรอล ( α-Tocopherol ) เรตินอยด์ ( Retinoid ) กับความเสี่ยงการเกิด โรคหลอดเลือดสมอง ในผู้ชายชาวฟินแลนด์ อายุ 46-65 ปี จำนวน 1,031 คน โดยติดตามผลในช่วงประมาณ 12 ปี

ผลพบว่า “ไลโคปีน ( Lycopene )” ในปริมาณสูงจากการรับประทานผลิตภัณฑ์จากมะเขือเทศ อาจช่วยลดความความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสมองและสมองขาดเลือดลง ซึ่งระดับ “ไลโคปีน ( Lycopene )” ที่ตรวจพบจากการเจาะเลือด อาจเป็นผลมาจากการรับประทานมะเขือเทศนั่นเอง

และนอกจากนี้ ยังมีงานวิจัยที่วิเคราะห์อาหารที่ทำจากมะเขือเทศ หรือ มีสารไลโคปีนเยอะมีผลต่อความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือดใน ผู้หญิงวัยกลางคนและสูงอายุด้วย เช่นกัน โดยมี จำนวน 39,876 คน ในช่วงระยะเวลา 7 ปี

กลับพบว่า สารไลโคปีน ในอาหารไม่มีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด แต่การรับประทานไลโคปีนหรือสารพฤกษเคมี (Phytochemicals) อื่น ๆ ที่มีน้ำมันเป็นองค์ประกอบอาจส่งผลดีในการป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด

โรคความดันโลหิตสูง ( Hypertension )

การศึกษาเกี่ยวกับสารต้านอนุมูลอิสระจากสารสกัดจากมะเขือเทศในผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงระดับที่ 1 โดยให้อาสาสมัครรับประทานสารสกัดจากมะเขือเทศสด 250 กรัม เปรียบเทียบกับยาหลอก ผลพบว่าการรักษาด้วยสารสกัดจากมะเขือเทศระยะสั้น ซึ่งอุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระสามารถลดความดันโลหิตในผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงได้

โรคมะเร็ง ( Cancer )

“ไลโคปีน ( Lycopene )” เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพและพบมากในมะเขือเทศ โดยเฉพาะมะเขือเทศที่ผ่านการแปรรูปหรือผ่านความร้อน เช่น ผลิตภัณฑ์มะเขือเทศเข้มข้น น้ำมะเขือเทศ ซอสมะเขือเทศ เป็นต้น

“ไลโคปีน ( Lycopene )” อาจไปกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน อาจช่วยขัดขวางและหยุดการเติบโตของเซลล์มะเร็งบางประเภท เพื่อป้องกันเซลล์ได้รับความเสียหายจนกลายเป็นเซลล์มะเร็ง ด้วยเหตุนี้ การวิจัยหลายชิ้นจึงให้ความสนใจบทบาทของ ไลโคปีน ต่อการป้องกันโรคมะเร็งหลายชนิด

โรคมะเร็งในกระเพาะอาหาร

สารต้านอนุมูลอิสระ และ วิตามิน ในมะเขือเทศที่เชื่อกันว่ามีฤทธิ์ต้านมะเร็ง จึงมีการศึกษาระดับแคโรทีนอยด์และวิตามินต่อการเกิดโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร

จากการวิจัยเชิงสังเกตและติดตามผล ชายชาวจีนวัยกลางคนและวัยชราจำนวน 18,244 คน ในระยะเวลา 12 ปี โดยเปรียบเทียบ กลุ่มคนที่มีระดับความเข้มข้นของแคโรทีนอยด์และวิตามินหลายตัวในเลือดสูง กับกลุ่มทดลอง

ปรากฏว่า แคโรทีนอยด์อย่างแคโรทีน ไลโคปีน และวิตามินซี อาจเป็นสารต้านมะเร็งที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งการรับประทานแคโรทีนอยด์ในปริมาณสูงก็อาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคกระเพาะอาหารให้น้อยลง

แต่ก็คล้ายคลึงกับการวิจัยโรคมะเร็งชนิดอื่นในด้านที่เป็นการศึกษาเฉพาะสารแคโรทีนอยด์และวิตามินทั่วไป ซึ่งร่างกายอาจได้รับจากการรับประทานอาหารประเภทอื่น ไม่ใช่เฉพาะแค่เพียงมะเขือเทศ จึงต้องมีการค้นคว้าเพิ่มเติมเกี่ยวกับการรับประทานมะเขือเทศโดยตรง

โรคมะเร็งตับอ่อน

แม้ว่าผักและผลไม้มีส่วนเกี่ยวข้องกับสาเหตุของโรคมะเร็งตับอ่อน แต่บทบาทของสารพฤกษเคมีในกลุ่มอาหารเหล่านี้ยังได้รับความสนใจอยู่น้อย

จากการศึกษา ความสัมพันธ์ของแคโรทีนอยด์ในอาหารกับความเสี่ยงโรคมะเร็งตับอ่อนในผู้ป่วยโรคมะเร็งตับอ่อน จำนวน 462 คน เปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุม ซึ่งเป็นประชากรชาวแคนาดา จำนวน 4,721 คนจาก 8 รัฐ

ผลการศึกษา ชี้ให้เห็นว่าการบริโภคอาหารที่มีมะเขือเทศเป็นส่วนประกอบมาก หรือ รับประทานผลิตภัณฑ์จากมะเขือเทศที่มีปริมาณไลโคปีนสูง อาจช่วยให้ความเสี่ยงของโรคมะเร็งตับอ่อนลดลง แต่อย่างไรก็ตามยังคงต้องรอการค้นคว้าต่อในอนาคตเพื่อการยืนยันผลที่แน่ชัด

โรคมะเร็งต่อมลูกหมาก

มะเขือเทศ อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระประสิทธิภาพสูงที่เรียกว่า ไลโคปีน ซึ่งอาจช่วยป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมากและลดการเติบโตของเนื้องอกในผู้ชายที่เป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก

ผลการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของอาหารกับความเสี่ยงโรคมะเร็งต่อมลูกหมากที่จัดทำโดยสมาคมการวิจัยเพื่อการป้องกันโรคมะเร็ง (American Institute for Cancer Research: AICR) ประเทศสหรัฐอเมริกา และกองทุนวิจัยโรคมะเร็งโลก (World Cancer Research Fund: WCRF)

ได้ศึกษากับ ผู้ป่วยมะเร็งต่อมลูกหมากจำนวน 1,806 คน และกลุ่มคนปกติ 12,005 คน ผลการวิเคราะห์ พบว่า การรับประทานมะเขือเทศ ผลิตภัณฑ์จากมะเขือเทศ หรือผักชนิดอื่นก็อาจช่วยป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมากได้

ตรงกันข้ามกับ การวิจัยอีกชิ้น ที่ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างแคโรทีนอยด์ในเลือดกับความเสี่ยงของมะเร็งต่อมลูกหมาก ในการตรวจคัดกรองมะเร็งต่อมลูกหมาก จำนวน 692 ราย ในช่วง 1-8 ปี ผลการศึกษาพบว่า มีเฉพาะเบต้าแคโรทีนในปริมาณสูงที่มีผลต่อความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก แต่ ไคโลปีนและแคโรทีนอยด์ตัวอื่นไม่พบความเกี่ยวข้องกันกับโรค

ไลโคปีน และ สารกลุ่มแคโรทีนอยด์ ใน มะเขือเทศ

“ไลโคปีน ( Lycopene )” เป็นสารต้านอนุมูลอิสระชนิดหนึ่งที่มีประสิทธิภาพในการต่อต้านอนุมูลอิสระสูงมาก และยังช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ได้ดีอีกด้วย ซึ่งจะช่วยเสริมสุขภาพให้แข็งแรงยิ่งขึ้นแม้จะอายุมากแล้วก็ตาม

นอกจากนี้ “ไลโคปีน ( Lycopene )” ก็สามารถป้องกันโรคไม่ติดต่อได้หลายชนิดเช่นกัน อย่างเช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคมะเร็ง ไขมันอุดตันในเส้นเลือดและโรคเส้นเลือดตีบในสมอง เป็นต้น

“ไลโคปีน ( Lycopene )” เป็นสารที่พบได้มากในผักผลไม้สีแดง เหลืองและสีส้ม โดยถูกจัดอยู่ในกลุ่ม “แคโรทีนอยด์ ( Carotenoid )” ซึ่งส่วนใหญ่จะนิยมเรียกสารในกลุ่มนี้ว่า “สาร เบต้าแคโรทีน (Beta-carotene)” นั่นเองครับ แต่ทั้งนี้ “ไลโคปีน ( Lycopene )” จะมีโครงสร้างโมเลกุลที่แตกต่างจากสารในกลุ่มนี้อีกด้วย

(อ้างอิงที่ 11-14)

เรื่องน่ารู้ของ ไลโคปีน

“ไลโคปีน ( Lycopene )” เป็นสาร “แคโรทีนอยด์ ( Carotenoid )” ที่มี คุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระ ที่โดดเด่น มีประโยชน์ ดังนี้

  • มีบทบาทในการป้องกันและลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก เป็นเรื่องที่เขามีงานวิจัยมากที่สุด
  • ช่วยลดขนาดเนื้อร้ายในผู้ป่วยมะเร็งต่อมลูกหมาก
  • ช่วยลดการเติบโตของต่อมลูกหมากในผู้ป่วยต่อมลูกหมากโต มีงานวิจัยที่มีแนวโน้มว่าได้ผลหลายงานวิจัย
  • ช่วยบำรุงผิว ทำให้ผิวเนียนนุ่ม ป้องกันผิวเสียจากแสงแดด
  • มีคุณสมบัติ ช่วยต้านมะเร็งรังไข่ มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งปอด
  • ช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด
  • ช่วยลดความเสี่ยงของการเป็นโรคกระดูกพรุน
  • ช่วยเพิ่มปริมาณและคุณภาพของตัวอสุจิในชายที่มีบุตรยาก
ประโยชน์ของไลโคปีนต่อสุขภาพของต่อมลูกหมากในเพศชาย

มีงานวิจัยในระดับ Meta-Analysis ซึ่งถือว่าเป็นงานวิจัยที่น่าเชื่อถือที่สุด เนื่องจากเป็นกระบวนการวิจัยที่ผู้วิจัยได้รวบรวมข้อมูลงานวิจัยต่างๆ อย่างเป็นระบบ

มีการประเมินงานวิจัยดังกล่าวแล้วใช้สถิติชั้นสูงในการวิเคราะห์ประมวลผล ซึ่งจะทำให้ลดอคติ (Bias) ได้ สรุปได้ว่าผลิตภัณฑ์จากมะเขือเทศ และ “ไลโคปีน ( Lycopene )” มีบทบาทในการป้องกัน และลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากได้

นอกจากนี้ ยังมีงานวิจัยที่ศึกษาเกี่ยวกับผู้ป่วยมะเร็งต่อมลูกหมากได้รับประทาน “ไลโคปีน ( Lycopene )” เป็นระยะเวลา 3 สัปดาห์ ก่อนทำการผ่าตัด พบว่าเนื้อร้ายมีขนาดเล็กลง

ในด้านการศึกษาเกี่ยวกับโรคต่อมลูกหมากโตมีการศึกษาในชายสูงอายุที่เป็นโรคต่อมลูกหมากโตแต่ไม่ได้เป็นมะเร็งต่อมลูกหมากจำนวน 40 คน โดยได้รับ “ไลโคปีน ( Lycopene )” เป็นระยะเวลา 6 เดือน พบว่าช่วยการหยุดการโตของต่อมลูกหมากได้

ประโยชน์ของไลโคปีนต่อสุขภาพผิว

มีการศึกษาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่าง “ไลโคปีน ( Lycopene )” กับสุขภาพผิว โดยทำการศึกษาในกลุ่มผู้หญิงอายุ 40-50 ปี จำนวน 20 คน พบว่าผู้หญิงที่มีปริมาณไลโคปีนสูงกว่าที่ผิว จะมีผิวที่เนียนนุ่มกว่า และมีงานวิจัยในมนุษย์พบว่า การได้รับไลโคปีนช่วยป้องกันผิวเสียจากแสงแดดได้

ประโยชน์ของไลโคปีนในการต้านมะเร็ง

นอกจากมะเร็งต่อมลูกหมากแล้ว “ไลโคปีน ( Lycopene )” ยังอาจช่วยลดความเสี่ยงของมะเร็งได้อีกหลายชนิด ด้วยคุณสมบัติการเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีนั่นเอง

มีงานวิจัยในระดับ Meta-Analysis ซึ่งเป็นงานวิจัยที่น่าเชื่อถือที่สุดรายงานว่า “ไลโคปีน ( Lycopene )” มีบทบาทในการลดความเสี่ยงของมะเร็งรังไข่ในหญิงวัยหมดประจำเดือน ลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งกระเพาะอาหาร และมะเร็งหลอดอาหารได้

การศึกษาอื่นๆ พบว่า “ไลโคปีน ( Lycopene )” ยังช่วยชดความเสียงในเรื่องมะเร็งปอดได้อีกด้วย

ประโยชน์ของไลโคปีนต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด

มีการศึกษาในกลุ่มผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือด (Cardiovascular Disease) พบว่า “ไลโคปีน ( Lycopene )” ช่วยทำให้การทำงานของเซลล์ในหลอดเลือดดีขึ้น

และมีรายงานว่า “ไลโคปีน ( Lycopene )” ช่วยต้านการพัฒนาของโรคหลอดเลือดหัวใจไม่ให้ลุกลามได้

นอกจากนี้ยังมีการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการได้รับ”ไลโคปีน ( Lycopene )” กับอุบัติการณ์การเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดเป็นระยะเวลานานกว่า 10 ปี พบว่าการได้รับ “ไลโคปีน ( Lycopene )” ช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดได้

ประโยชน์ของไลโคปีนต่อโรคกระดูกพรุน

มีรายงานการศึกษา ในกลุ่มผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนพบว่า การได้รับ “ไลโคปีน ( Lycopene )” ช่วยลดการสลายของกระดูกได้ จึงอาจเป็นประโยชน์ ในการลดความเสี่ยงของการเป็นโรคประดูกพรุนได้

และจากการติดตามศึกษาในกลุ่มผู้สูงอายุที่เป็นเพศชาย 370 คน และเพศหญิง 576 คน อายุ 70-80 ปี เป็นระยะเวลากว่า 17 ปี พบว่าในกลุ่มที่ได้รับ “ไลโคปีน ( Lycopene )” สูง ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคกระดูกสะโพกหักได้

ประโยชน์ของไลโคปีนต่อภาวะการมีบุตรยากในเพศชาย

มีรายงานการศึกษาเรื่อง “ไลโคปีน ( Lycopene )” กับภาวะการมีบุตรยากในเพศชาย พบว่า “ไลโคปีน ( Lycopene )” ช่วยทำให้มีปริมาณอสุจิสูงขึ้น มีอัตราการรอดชีวิตของอสุจิสูงขึ้น และช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันได้

ทั้งยังมีรายงานในมนุษย์ว่า ช่วยเพิ่มอัตราการตั้งครรภ์ได้ อีกการศึกษาหนึ่งทำกับกลุ่มชายที่มีบุตรยากโดยไม่ทราบสาเหตุ พบว่าช่วยเพิ่มจำนวนอสุจิได้ ลักษณะรูปร่างของตัวอสุจิสมบูรณ์ขึ้น และเพิ่มคุณภาพการเคลื่อนไหวของตัวอสุจิได้ดีขึ้น

(อ้างอิงที่ 15-39)

สรุปคุณประโยชน์ ของ ไลโคปีน ( Lycopene )
  1. เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง
  2. ช่วยบํารุงผิว ทําให้ผิวเนียนนุ่ม ป้องกันผิวเสียจากแสงแดด
  3. ช่วยต้านมะเร็ง เช่น มะเร็งรังไข่ มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งปอด
  4. ลดความเสี่ยงของการเป็นโรคกระดูกพรุนในผู้หญิงวัยทอง
  5. ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด
  6. ป้องกันและลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก
  7. ช่วยลดขนาดเนื้อร้ายในผู้ป่วยมะเร็งต่อมลูกหมาก
  8. ช่วยหยุดการโตของต่อมลูกหมากในผู้ป่วยต่อมลูกหมากโต
  9. เพิ่มปริมาณและคุณภาพของตัวอสุจิในชายที่มีบุตรยาก
โรคหรือกาวะที่อาจแนะนำ ไลโคปีน ( Lycopene )
  1. สุภาพบุรุษที่มีอายุมาก หรือมีภาวะเสี่ยงต่อ การเป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก หรือ ต่อมลูกหมากโต
  2. สุภาพสตรี เพราะไลโคปีนบํารุง ผิวพรรณ จากกลไกการต้านอนุมูลอิสระ และช่วยโรคหัวใจ
ข้อห้าม- ข้อควรระวัง ของ ไลโคปีน ( Lycopene )
  • ห้ามในผู้ที่รับประทาน ยาต้านการแข็งตัวของเลือด หรือยาต้านเกล็ดเลือด เช่น แอสไพริน

กลับสู่สารบัญ

หลังจากที่เราได้เรียนรู้เรื่องราวต่างๆ ของ “เรื่องน่ารู้ ของ ทับทิม มะเขือเทศ และ ไลโคปีน” ทางเราจัดให้อยู่ในหมวดหมู่ สารอาหารเพื่อความงาม ซึ่งทางเราขอนำเสนอเป็น อันดับแรก กันไปแล้ว ก็ต้องถึงเวลา

ขายของ ! ครับ ขายของ !

เราลองมาดูกันว่า ผลิตภัณฑ์ ที่มี สารสกัดจากทับทิม และ ไลโคปีน จาก กิฟฟารีน มีอะไรบ้าง? กันนะครับ

ผลิตภัณฑ์ ที่มี สารสกัดจากทับทิม จาก กิฟฟารีน มีอะไรบ้าง

ดูแล ปกป้องเส้นผม ด้วยสารสกัดจากทับทิม

แชมพูอ่อนใส ทําความสะอาดเส้นผมและหนังศีรษะ ได้อย่างอ่อนโยน พร้อมเติมความชุ่มชื้น ให้ผมนุ่มสลวย มีชีวิตชีวาอย่างเป็นธรรมชาติ ด้วยสารสกัดจากทับทิม

บำรุงเส้นผม ด้วยสารสกัดจากทับทิม

ครีมนวดบํารุงเส้นผม และ หนังศีรษะ ซึมซาบเข้าบํารุงโคนจรดปลาย พร้อมคุณค่าของ สารสกัดจากทับทิม เพื่อให้เส้นผมแข็งแรง นุ่มลื่น ไม่พันกัน จัดทรงง่าย

น้ำมัน บํารุงผิว เพื่อความงาม ด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ

น้ํามันเพื่อความงาม ช่วยเสริมประสิทธิภาพการกักเก็บความชุ่มชื้น ตามธรรมชาติของผิว ให้ผิวนุ่มนวล ไม่แห้งกร้าน ด้วยพลังการปรนนิบัติของน้ํามันและสารสกัดจากธรรมชาตินานาชนิด

เจลอาบน้ำ สารสกัดจากทับทิม กิฟฟารีน กรานาดาชาวเวอร์ เจล (500 มล.)

เจลอาบน้ำอ่อนใส ฟองครีมอ่อนละมุน อุดมด้วยคุณค่าการบำรุงของสารสกัดจากทับทิม

เจลอาบน้ำอ่อนใส ฟองครีมอ่อนละมุน อุดมด้วยคุณค่าการบำรุงของสารสกัดจากทับทิม เจลอาบน้ำอ่อนใส ฟองครีมอ่อนละมุน อุดมด้วยคุณค่าการบำรุงของสารสกัดจากทับทิม เติมความสดชื่นสดใสให้ผิวพรรณทั่วเรือนร่าง

โลชั่นบำรุงผิวกาย ผสมสารสกัดจากผลทับทิม กิฟฟารีน กรานาดา บอดี้ โลชั่น (250 มล.)

ตัวช่วย บำรุงผิวล้ำลึก ด้วยคุณค่าสารสกัดจากทับทิม

โลชั่นถนอมผิว เนื้อบางเบาสบายผิว ซึมซาบเร็ว ไม่เหนียวเหนะหนะ พร้อมด้วยคุณค่าของสารสกัดจากผลทับทิม และมอยส์เจอไรเซอร์ ที่เข้าบำรุงอย่างล้ำลึก ช่วยคืนความชุ่มชื้น เปล่งปลั่ง สดใส ให้ผิวทั่วเรือนร่าง ผิวดูสุขภาพดี เรียบเนียนน่าสัมผัส

ผลิตภัณฑ์บำรุงหนังศีรษะ สูตรปราศจากแอลกอฮอล์ ผสม สารสกัดจากทับทิม และ สารสกัดจากสาหร่ายสไปรูลิน่า กิฟฟารีน มิราเคิล ฟลูอิด สแคลพ์ นิวเทรียนท์ (110 มล.)

ผลิตภัณฑ์บำรุงหนังศีรษะ สูตรปราศจากแอลกอฮอล์อ่อนโยนต่อหนังศรีษะ

เจลแอลกอฮอล์ทำความสะอาดมือแบบหัวปั๊ม กิฟฟารีน ไฮจีนิค แฮนด์ ซานิไทเซอร์ เจล Alcohol 75% v/v (ขนาดใหญ่สุดคุ้ม 500 มล.)

สะอาด หอม ถนอมมือ

เจลแอลกอฮอล์ทำความสะอาดมือ แบบหัวปั๊ม ขนาดใหญ่สุดคุ้ม กลิ่นไม่ฉุน ใช้ทำความสะอาดมือและบริเวณที่ต้องการทำความสะอาดโดยไม่ต้องใช้น้ำล้างออก มีส่วนผสมของเอทิลแอลกอฮอล์ระดับฟู๊ดเกรด (Food Grade) ปลอดภัย คุณภาพสูง ไม่ระคายเคืองต่อผิว มีสารสกัดจากผลทับทิม และ แพนทีนอล (Panthenol) เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ช่วยถนอมมือให้มือไม่แห้งแตก แม้จะใช้วันละหลายครั้ง เนื้อเจลไม่เหนียวเหนอะหนะ สบายผิว มือนุ่ม สะอาด ปลอดภัย

เจลแอลกอฮอล์ทำความสะอาดมือ กิฟฟารีน ไฮจีนิค แฮนด์ ซานิไทเซอร์ เจล Alcohol 75% v/v (75 มล.)

สะอาด หอม ถนอมมือ ให้คุณปลอดภัย มั่นใจได้ทุกที่

เจลแอลกอฮอล์ทำความสะอาดมือ ขนาดกะทัดรัด พกพาสะดวก กลิ่นไม่ฉุน ใช้ทำความสะอาดมือและบริเวณที่ต้องการทำความสะอาดโดยไม่ต้องใช้น้ำล้างออก มีส่วนผสมของเอทิลแอลกอฮอล์ระดับฟู๊ดเกรด (Food Grade) ปลอดภัย คุณภาพสูง ไม่ระคายเคืองต่อผิว มีสารสกัดจากผลทับทิม และ แพนทีนอล (Panthenol) เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ช่วยถนอมมือให้มือไม่แห้งแตก แม้จะใช้วันละหลายครั้ง เนื้อเจลไม่เหนียวเหนอะหนะ สบายผิว มือนุ่ม สะอาด ปลอดภัย พกไปได้ทุกที่

อาหารเสริม ผงว่านหางจระเข้ สารสกัดจากขมิ้น มะขามป้อม ใบบัวบก ทับทิม ผงขิง และ ชะเอมเทศ กิฟฟารีน แกสตรา-เฮิร์บ (60 แคปซูล)

ดูแลตัวเองง่ายๆ ด้วยคุณค่าจาก 7 สมุนไพร

อาหารเสริม สารสกัดจากสมุนไพร 7 ชนิด ชนิดแคปซูล ได้แก่ ว่านหางจระเข้ ขมิ้นชัน มะขามป้อม ใบบัวบก ทับทิม ขิง ชะเอมเทศ ซึ่งมีสรรพคุณ ช่วยลดกรด บรรเทาอาการปวดท้อง กรดไหลย้อน ช่วยสมานแผลในกระเพาะอาหาร

กิฟฟารีน แกสตรา-เฮิร์บ (60 แคปซูล)

ส่วนประกอบที่สำคัญโดยประมาณ ใน 1 แคปซูล:
ผงว่านหางจระเข้ 100 มก.
ผงขมิ้นชัน 100 มก
สารสกัดจากมะขามป้อม 50 มก.
สารสกัดจากใบบัวบก 50 มก.
สารสกัดจากทับทิม 25 มก.
ผงขิง 25 มก.
ชะเอมเทศสกัด 15 มก.
สารสกัดจากขมิ้น 6.67 มก.
วิธีรับประทาน:
ทานครั้งละ 2 แคปซูล วันละ 2 ครั้ง หลังอาหารและก่อนนอน หรือเมื่ออาหารไม่ย่อย จุกเสียด แน่นท้อง
อาหารเสริม แซลมอน คอลลาเจนไปปไทด์ และ คอลลาเจนไดเปปไทด์ ผสมทับทิมและวิตามินซี ชนิดผง กิฟฟารีน แซลมอน คอลลาเจน พลัส (6.145 กรัม x 6 ซอง)

ดูแลผิวพรรณของคุณ ง่ายๆ ได้ทุกวัน

2 คุณค่าจาก แซลมอน คอลลาเจน ไปปไทด์ และ คอลลาเจนเปปไทด์ จากประเทศญี่ปุ่น

อาหารเสริมจาก แซลมอน คอลลาเจน ไปปไทด์ และ คอลลาเจนเปปไทด์ จากประเทศญี่ปุ่น พร้อมสารสกัดจากเมล็ดทับทิมและวิตามินซี ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของเนื้อเยื่อ ลดกระบวนการผลิตเม็ดสีซึ่งก่อให้เกิดฝ้า กระและริ้วรอย ฟื้นฟูสภาพผิวให้แข็งแรง เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว เพื่อผิวพรรณเนียนนุ่ม แลดูอ่อนเยาว์

กิฟฟารีน แซลมอน คอลลาเจน พลัส (6.145 กรัม x 6 ซอง)

ส่วนประกอบที่สำคัญใน 1 ซอง:
ฟิช คอลลาเจน เปปไทด์ 4,900 มก.
แซลมอน คอลลาเจน ไปปไทด์ 100 มก.
ผงทับทิม 230 มก.
วิตามินซี 12 มก.
ใช้สารสกัดจากหญ้าหวาน และซูคราโลส เป็นวัตถุที่ให้ความหวานแทนน้ำตาล
วิธีรับประทาน:
ชง 1 ซอง ต่อน้ำ 150 มล. คนให้เข้ากัน พร้อมดื่มได้ทันที (ดื่มวันละ 2 ซอง)
*ชงได้ทั้งน้ำเย็นและน้ำอุณหภูมิปกติ
เครื่องดื่ม แซลมอน คอลลาเจนไปปไทด์ และ คอลลาเจนไดเปปไทด์ ผสมน้ำทับทิมเข้มข้น แอสตาแซนธิน และวิตามินซี กิฟฟารีน คอลลาเจน เอส โอ พี 100+(50 มล. X 6 ขวด)

เติมความสวยได้ทุกวัน ด้วย อาหารเสริม คอลลาเจนผสมทับทิม เอสโอพี 100+

คอลลาเจนผสมน้ำทับทิมเข้มข้น เอสโอพี 100+ อัดแน่นด้วยคอลลาเจนเปปไทด์ และแซลมอนคอลลาเจนเปปไทด์ถึง 5,000 มก. พร้อมด้วยคุณค่าของน้ำทับทิมเข้มข้น แอสตาแซนธิน และวิตามินซี ซึ่งมีคุณสมบัติในการต่อต้านอนุมูลอิสระ มีประโยชน์ต่อผิวพรรณ ช่วยเพิ่มความแข็งแรงและความยืดหยุ่นของคอลลาเจนใต้ผิวหนัง รสชาติอร่อย ทานง่าย ไม่เติมน้ำตาล ใช้ซูคราโลสเป็นสารให้ความหวานแทนน้ำตาล ให้พลังงาน 30 กิโลแคลอรี่/ขวด ดูแลผิวและสุขภาพได้ทุกวันเพียงวันละ 2 ขวด ทุกเช้าและก่อนนอน

กิฟฟารีน คอลลาเจน เอส โอ พี 100+(50 มล. X 6 ขวด)

ส่วนประกอบที่สำคัญ:
น้ำทับทิมเข้มข้น 5.125 กรัม
คอลลาเจนเปปไทด์ 4.9 กรัม
แซลมอนคอลลาเจนเปปไทด์ (เอสโอพี) 100 มิลลิกรัม
วิตามิน ซี 30 มิลลิกรัม
สาหร่ายสีแดง (ฮีมาโตคอกคัส พลูวิเอลิส) 1.5 มิลลิกรัม
วิธีใช้
ดื่มครั้งละ 2 ขวด เวลาเช้าและก่อนนอน
คำแนะนำ : ควรดื่มให้หมดหลังเปิดฝา เพื่อรสชาติที่ดี ควรแช่เย็น และเขย่าขวดก่อนดื่ม
ผลิตภัณฑ์อาจมีตะกอน เพราะผลิตจากวัตถุดิบธรรมชาติ ควรเก็บที่อุณหภูมิห้อง ให้พ้นแสงแดด
เครื่องดื่ม ผสมน้ำทับทิม คอลลาเจน ชิงค์ กรดอะมิโนแอล-อาร์จินีน และแอล-ออร์นิทีน สำหรับคุณผู้ชาย กิฟฟารีน คอลลาเจน พลัสซิงก์ (6 ขวด)

ตัวช่วยเพิ่ม คอลลาเจนสำหรับผู้ชาย ให้ ฟิต เฟิร์ม ปึ๋งปั๋ง

คอลลาเจนสำหรับผู้ชาย ฟิต เฟิร์ม ปึ๋งปั๋ง
เป็นเครื่องดื่มคอลลาเจนสำเร็จรูปดื่มง่าย มีประโยชน์ ซิงก์ช่วยลดอาการผิวหน้ามันได้ ลดสิว เพิ่มปริมาณอสุจิสำหรับผู้ชาย อีกทั้งยังมีส่วนผสมของคอลลาเจน ที่ช่วยทำให้ผิวเต่งตึง กระจ่างใส นุ่มเนียน ซึ่งเหมาะสำหรับคุณผู้ชายที่ต้องการดูแลตัวเองเป็นพิเศษ ฉะนั้นเครื่องดื่มตัวนี้จึงเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งในการช่วยให้คุณผู้ชายได้ประโยชน์และจะประทับใจผลิตภัณฑ์ตัวนี้มากทีเดียว

กิฟฟารีน คอลลาเจน พลัสซิงก์ (6 ขวด)

ส่วนประกอบที่สำคัญ:
คอลลาเจนเปปไทด์ 4 กรัม
คอลลาเจนเปปไทด์ 4 กรัม
แอล-อาร์จินีน โมโนไฮโดรคลอไรด์ 400 มิลลิกรัม
ซิงก์กลูโคเนต 50 มิลลิกรัม
วิตามินซี 30 มิลลิกรัม
สาหร่ายสีแดง (ฮีมาโตคอกคัส พลูวิเอลิส) 1.5 มิลลิกรัม
วิธีใช้
ดื่มครั้งละ 1 ขวด วันละ 2 ครั้ง เวลาเช้าและก่อนนอน
คำแนะนำ : ควรดื่มให้หมดหลังเปิดฝา เพื่อรสชาติที่ดี ควรแช่เย็น และเขย่าขวดก่อนดื่ม
ผลิตภัณฑ์อาจมีตะกอน เพราะผลิตจากวัตถุดิบธรรมชาติ ควรเก็บที่อุณหภูมิห้อง ให้พ้นแสงแดด
น้ำทับทิมเข้มข้น 100% ผสมวิตามินซี กิฟฟารีน กรานาดา (700 มล.)

เปล่งปลั่งจากภายในสู่ภายนอก ด้วยคุณค่าจากทับทิม

น้ำทับทิมสกัดเข้มข้น ผลิตจากน้ำทับทิม 100 % ผสมวิตามินซี รสชาติเปรี้ยวอมหวาน อร่อย มีประโยชน์ต่อสุขภาพ อุดมไปด้วยวิตามินเอ ซี อี ธาตุเหล็ก แคลเซียม แมกนีเซียมและกรดโฟลิก

อาหารเสริม ไฮโดรไลซ์กัวร์กัม ผสม สารสกัดทับทิม และผงมะม่วง กิฟฟารีน เลปติโก พลัส เอ็ม (30 แคปซูล)

ดูแลรูปร่างอย่างปลอดภัย ด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ

อาหารเสริม สารไฮโดรไลซ์กัวร์กัมสกัดจากถั่วกัวร์ ผสม สารสกัดทับทิม และผงมะม่วงแอฟริกัน มีคุณสมบัติช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของฮอร์โมนเลปตินที่ทำให้สมองรู้สึกอิ่ม และยังอุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ

กิฟฟารีน เลปติโก พลัส เอ็ม (30 แคปซูล)

ส่วนประกอบที่สำคัญโดยประมาณใน 1แคปซูล:
เลปติคอร์ 300.00 มก.
ไฮโดรไลซ์กัวร์กัม 240.00 มก.
ไมโครคริสตัลลีนเซลลูโลส 47.16 มก.
สารสกัดจากทับทิม 6.90 มก.
ซิลิคอนไดออกไซด์ 5.94 มก.
ผงมะม่วง 40.00 มก.
วิธีรับประทาน:
ครั้งละ 1 แคปซูล ก่อนอาหารกลางวันและเย็น
อาหารเสริม สารสกัดจากทับทิม กิฟฟารีน กรานาดา ชนิดเม็ด (30 เม็ด )

อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระจากทับทิมเต็มเม็ด

อาหารเสริม สารสกัดจากทับทิม ชนิดเม็ด ประกอบด้วยน้ำทับทิมชนิดผงและสารสกัดจากทับทิม อุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด ที่มีประโยชน์แก่ร่างกาย ทานง่าย พกพาสะดวก

กิฟฟารีน กรานาดา ชนิดเม็ด (30 เม็ด )

ส่วนประกอบที่สำคัญโดยประมาณใน 1 เม็ด:
นํ้าทับทิมชนิดผง 20.00% (160 มก.)
สารสกัดจากทับทิม 1.25% (10 มก.)
วิธีรับประทาน:
รับประทานวันละ 1 เม็ด พร้อมอาหาร

ผลิตภัณฑ์ ที่มี สารสกัดจากมะเขือเทศ และ ไลโคปีน จาก กิฟฟารีน มีอะไรบ้าง

อาหารเสริม สารสกัดจากมะเขือเทศ ผสมวิตามินซี กิฟฟารีน ไลโคปีน (30 แคปซูล)

ตัวช่วย ในการบำรุงผิว ป้องการโรคหลายชนิด ต้านมะเร็งต่อมลูกหมาก

กิฟฟารีน ไลโคพีน ” ไลโคพีน (Lycopene) ” เป็นสารสีแดงที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพและผิวพรรณ สามารถพบได้ในผักและผลไม้บางชนิด เช่น มะเขือเทศ แตงโม และมะละกอ ไลโคพีนเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันการเกิดอนุมูลอิสระที่ทำให้เซลล์เสียหาย ไลโคพีนยังช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และมะเร็งบางชนิด การบริโภคไลโคพีนในปริมาณที่เหมาะสมจึงเป็นการดูแลสุขภาพและผิวพรรณอย่างง่ายแต่มีประสิทธิภาพ

กิฟฟารีน ไลโคปีน (30 แคปซูล)

ส่วนประกอบที่สำคัญโดยประมาณ ใน 1 แคปซูล :
มะเขือเทศผง 385 มก.
ไลโคพีน 10% 60 มก.(ให้ไลโคพีน 6 มก.)
โซเดียมแอสคอร์เบต 33.75 มก.(ให้วิตามินซี 30 มก.)
วิธีใช้
รับประทานวันละ 1 แคปซูล หลังอาหาร คำเตือน : อ่านคำเตือนในฉลากก่อนบริโภค ไม่มีผลในการป้องกันหรือรักษาโรค
อาหารเสริม ผสมวิตามินซี ทับทิมสกัด ไลโคปีน และจมูกถั่วเหลือง สำหรับคุณผู้หญิง กิฟฟารีน ถั่งเช่า ดับเบิ้ลยู (20 แคปซูล)

ตัวช่วย สำหรับ คุุณผู้หญิง เติมเต็มความสุข สมบูรณ์ในครอบครัว

สมุนไพรบำรุงร่างกาย สำหรับผู้หญิง ถั่งเช่า W กิฟฟารีน ผสมวิตามินซี ทับทิมสกัด ไลโคพีน และจมูกถั่วเหลือง ชนิดแคปซูลช่วยบำรุงร่างกาย เสริมความสุข เติมเต็มชีวิตครอบครัวให้มีความสุข ดูแลสุขภาพสตรีจากภายใน

สุดยอดของการคงความสาวให้อยู่ตราบนานเท่านาน ถั่งเช่าสำหรับผู้หญิง สาวสองพันปี

กิฟฟารีน ถั่งเช่า ดับเบิ้ลยู (20 แคปซูล)

ส่วนประกอบสำคัญโดยประมาณใน 1แคปซูล :
ถั่งเช่าชนิดผง 495.000 มก.
แคลเซียม แอสคอร์เบต 97% 12.477 มก.(ให้วิตามินซี 10มก.)
ทับทิมสกัด 10.000 มก.
ผงจมูกถั่วเหลือง 10.000 มก.
ไลโคพีน 10% 10.000 มก.(ให้ไลโคพีน 1มก.)
วิธีใช้
รับประทานวันละ 3-6 แคปซูล ก่อนอาหารหรือก่อนนอน คำเตือน :อ่านคำเตือนในฉลากก่อนบริโภค ไม่มีผลในการป้องกันหรือรักษาโรค
อาหารเสริม วิตามินและเกลือแร่รวมผสมไลโคปีน กิฟฟารีน ซูปราวิต-เอ็ม (60 เม็ด)

วิตามินและเกลือแร่รวมผสมไลโคปีน คุณประโยชน์เพื่อท่านชาย

อาหารเสริม วิตามินและเกลือแร่รวมผสมไลโคปีน มีแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย และไลโคปีนที่มีคุณสมบัติช่วยในการต้านอนุมูลอิสระ

กิฟฟารีน ซูปราวิต-เอ็ม (60 เม็ด)

ส่วนประกอบที่สำคัญโดยประมาณใน 1 เม็ด:
ไดแคลเซียมฟอสเฟต ไดไฮเดรต 625 มก.
ผงวิตามินและเกลือแร่รวม 250 มก.
ไลโคปีน 10 % 30 มก.
วิธีรับประทาน:
วันละ 1 เม็ด พร้อมอาหาร
อาหารเสริม คอลลาเจน ผสมวิตามินซี ไลโคปีนและไลซีน กิฟฟารีน คอลลาเจน แมกซ์ (30 เม็ด)

ดูแลร่างกาย ด้วยคอลลาเจน แบบเต็มแมกซ์!

อาหารเสริม คอลลาเจน ผสมวิตามินซี ไลโคปีนและไลซีน ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยในการดูแลผิว บำรุงเนื้อเยื่อ ข้อต่อ และกระดูกให้แข็งแรง

กิฟฟารีน คอลลาเจน แมกซ์ (30 เม็ด)

ส่วนประกอบที่สำคัญโดยประมาณใน 1 เม็ด:
คอลลาเจนจากปลา 800 มก.
แอล–ไลซีน โมโนไฮโดรคลอไรด์ 200 มก. (ให้ไลซีน 160 มก.)
แคลเซียมแอสคอร์เบต 37.46 มก. (ให้วิตามินซี 30 มก.)
ไลโคพีน 10 % 20 มก. (ให้ไลโคปีน 2 มก.)
มิกซ์คอปเปอร์คาร์บอเนต 7 มก. (ให้ทองแดง 0.7 มก.)
วิธีรับประทาน:
วันละ 1-2 เม็ด หลังอาหาร

คำเตือน:
อ่านคำเตือนในฉลากก่อนบริโภค ไม่มีผลในการป้องกันหรือรักษาโรค

อาหารเสริม ไฟโตนิวเทรียนท์ สารสกัดจากผักและผลไม้รวม กิฟฟารีน ไฟโต วิต (60 เม็ด)

ตัวช่วยสำหรับผู้ที่ไม่ชอบทานผัก

อาหารเสริม สารสกัดจากผักและผลไม้รวม ชนิดเม็ด อัดแน่นด้วยคุณค่าของผักและผลไม้ อาทิ ชาเขียว, ทับทิม, แครอท, มะเขือเทศ, มิกซ์ เบอร์รี่, อะเซโรล่า เชอร์รี่, บร็อคโคลี่, แอปเปิ้ล, อัลฟาฟ่า, เมล็ดองุ่น และขมิ้น มีสารไฟโตนิวเทรียนท์ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ช่วยชดเชยปริมาณวิตามินและเกลือแร่ที่มีในผักและผลไม้ ช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารสำคัญอย่างครบถ้วน

กิฟฟารีน ไฟโต วิต (60 เม็ด)

ส่วนประกอบที่สำคัญโดยประมาณใน 1 เม็ด:
สารสกัดจากชาเขียว 140 มก.
เซลลูโลส 135.52 มก.
สารสกัดจากทับทิม 70 มก.
แครอทผง 70 มก.
ซิตรัส ใบโอฟลาโวนอยด์ 63 มก.
มะเขือเทศผง 53.90 มก.
มิกซ์เบอร์รี่ผง 49 มก.
อะเซโรลา เชอรี่ผง 49 มก.
สารสกัดจากผักและผลไม้รวมผง (บร็อคโคลี่ แอปเปิ้ล อัลฟัลฟ่า เมล็ดองุ่น และขมิ้น) 26.60 มก.
วิธีรับประทาน:
รับประทานวันละ 1-2 เม็ดพร้อมอาหาร

คำเตือน:
อ่านคำเตือนในฉลากก่อนบริโภค ไม่มีผลในการป้องกัน หรือรักษาโรค

อาหารเสริม แอสตาแซนธิน 2 มก. โคเอนไซม์ คิวเทน แคโรทีนอยด์ แกมมา ออริซานอล และวิตามินอี กิฟฟารีน แอสตา คิว พลัส แคโรทีนอยด์ (30 แคปซูล)

ตัวช่วยเพิ่ม แอสตาแซนธิน ราชินีแห่งสารต้านอนุมูลอิสระ

แอสต้าคิว กิฟฟารีน พลัส แคโรทีนอยด์ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแอสตาแซนธิน สกัดจากสาหร่ายสีแดงฮีมาโตคอกคัส พลูวิเอลิส ราชินีแห่งสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง ให้ปริมาณแอสตาแซนธิน 2 มิลลิกรัม ผสานคุณค่าจากน้ำมันจมูกข้าว, น้ำมันจมูกข้าวสาลี, แคโรทีนอยด์, โคเอนไซม์คิวเท็น และวิตามินอี ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้ดียิ่งขึ้น

กิฟฟารีน แอสตา คิว พลัส แคโรทีนอยด์ (30 แคปซูล)

ส่วนประกอบสำคัญใน 1 แคปซูล (1,754 มิลลิกรัม) ประกอบด้วย:
น้ำมันจมูกข้าว
(ให้แกมมาออริซานอล 11.24 มก.)
1,000.40 มก.
น้ำมันจมูกข้าวสาลี200 มก.
สารสกัดจากสาหร่ายฮีมาโตคอคคัส พลูวิเอลิส
(ให้แอสตาแซนทิน 2 มก.)
40 มก.
โค เอนไซม์ คิวเท็น30 มก.
มิกซ์แคโรทีนอยด์
(เบต้าแคโรทีน, แอลฟาแคโรทีน, ลูทีน, คริปโตแซนทีน และซีแซนทีน)
16 มก.
ดี-แอลฟา-โทโคเฟอริล แอซีเทต คอนเซ็นเทรท
(ให้วิตามินอี 10 มก.)
13.60 มก.
วิธีรับประทาน: ครั้งละ 1 แคปซูล พร้อมอาหาร

หมายเหตุ: ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารไม่สามารถใช้ในการรักษาโรคได้ แต่สามารถเพิ่มโอกาสในการดูแลสุขภาพได้

อาหารเสริม เลซิติน ผสมแคโรทีนอยด์รวม และวิตามิน อี กิฟฟารีน เลซิติน (15-30-60 แคปซูล)

จะสายปาตี้ หรือ สายรักสุขภาพ ก็แนะนำให้ทาน

คัดเลือกวัตถุดิบที่ดี และได้มาตรฐาน เพื่อให้มั่นใจว่า ไม่มีวัตถุอันตราย โลหะหนัก หรือสารพิษเจือปน

เลซิตินมีสรรพคุณช่วยบำรุงตับ บำรุงสมอง ดูแลหลอดเลือดและหัวใจ ลดคอเลสเตอรอล เลซิตินของกิฟฟารีนได้มีการพัฒนาสูตรที่มีส่วนผสมแตกต่างจากเลซิตินทั่วไป โดยผสมวิตามินอีและแคโรทีนอยด์รวม 4 ชนิดที่สกัดจากผลปาล์มแดงธรรมชาติ มีสารต้านอนุมูลอิสระประสิทธิภาพสูงช่วยผสานพลังส่งเสริมการทำงานของเลซิตินให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น

กิฟฟารีน เลซิติน

ส่วนประกอบที่สำคัญใน 1 แคปซูล (1,900 มก.) ประกอบด้วย:
เลซิติน
(ประกอบไปด้วยฟอสฟาติดิลโคลีน 192 มก.)
1,200 มก.
มีเดียมเชนไตรกลีเซอร์ไรด์266.4 มก.
มิกซ์แคโรทีนอยด์20.0 มก.
ดีแอลฟาโทโคฟริลอะซีเตต
(ให้วิตามิน อี 14.96 IU)
13.6 มก.
วิธีรับประทาน:
วันละ 1 แคปซูล พร้อมอาหาร

เอกสารอ้างอิง

  1. Studies on the antioxidant activity of pomegranate (Punica granatum) peel and seed extracts using in vitro models. J Agric Food Chem 2002 Jan 2;50(1):81-6
  2. Pomegranate juice supplementation to atherosclerotic mice reduces macrophage lipid peroxidation, cellular cholesterol accumulation and development of atherosclerosis. J Nutr 2001 Aug: 131(8):2082-9
  3. Pomegranate juice flavonoids inhibit low-density lipoprotein oxidation and cardiov ascular diseases : studies in atherosclerotic mice and in humans. Drugs Exp Clin Res 2002; 28(2-3):49-62
  4. Pomegranate juice consumption reduces oxidative stress, atherogenic modifications to LDL, and platelet aggregation: studies in humans and in atherosclerotic apolipoprotein E-deficient mice. Am J Clin Nutr 2000 May; 71(5):1062-76
  5. Effects of pomegranate juice consumption on myocardial perfusion in patients with coronary heart disease. Am J Cardiol. 2005 Sep 15; 96(6):810-4
  6. Pomegranate juice consumption inhibits serum angiotensin converting enzyme activity and reduces systolic blood pressure. Atherosclerosis 2001 Sep; 158(1):195-8
  7. Studies on antioxidant activity of pomegranate (Punica granatum) peel extract using in vivo models. J Agric Food Chem 2002 Aug 14; 50(17):4791-5
  8. Chemopreventive and adjuvant therapeutic potential of pomegranate (Punica granatum) for human breast cancer. Breast Cancer Res Treat 2002 Feb; 71(3):203-17
  9. Pomegranate extracts potently suppress proliferation, xenograft growth, and invasion of human prostate cancer cells. J Med Food. 2004 Fall;7(3):274-83
  10. Prostate cancer prevention through pomegranate fruit. Cell Cycle. 2006 Feb; 5(4):371-3. Epub 2006 Feb 15.
  11. รัชนี คงคาฉุยฉาย และ ริญ เจริญศิริ. โภชนาการกับผัก. กรุงเทพฯ : สารคดี, 2554. 1.ผลไม้–แง่โภชนาการ–ไทย. I.ชื่อเรื่อง. 641. ISBN 978-974-484-346-3.
  12. USDA Nutrient database
  13. Solanum lycopersicum- Tomato”. Encyclopedia of Life. Retrieved 1 January 2014.
  14. Aculops lycopersici (Tomato russet mite)”. Wallingford, UK: Invasive Species Compendium, Centre for Agriculture and Biosciences International. 23 June 2015. Retrieved 11 November 2016.
  15. ไลโคปีน (Lycopene) สืบคืนวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2559 จากเวปไซต์ ภาควิชาเภสัชเวทและเภสัชพฤกษศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์, http://pcog.pharmacy.psu.ac.th/th/article-51.op
  16. Quenching Activities of Common Hydrophilic and Lipophilic Antioxidants against Singlet Oxygen Using Chemiluminescence Detection System Carotenoid Science, Vol. 11, 2007, 16-20
  17. Overview of mechanisms of action of lycopene Exp Bial Med (Moywood, 2002 Nov.227
    0101920-3
  18. The role of tomato products and lycopene in the prevention of prostate cancer: a meta-analysis of observational studless Cancer Epidemioliormarkoon Prov. 2004 Mar 133340-6
  19. Lycopene and Risk of Prostate Cancer: A Systematic Review and Meta-Analysis. Medicine (Baltimore). 2015 Aug: 9433)1260
  20. Lycopene/tomato consumption and the risk of prostate cancer: systematic review and maeta-analysis of prospective studies. J Nutr Sal Vitaminal Tokyoj, 2013,503213-23.0
  21. มะเร็งต่อมลูกหมาก คืนวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2559 จากเวปไซด์ สาขาศัลยศาสตร์ยูโรวิทยา ภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล http://www.sl.mahidol.ac.th/th/department/surgery/urgicalWebsite/th/article.html
  22. Phase II randomized clinical trial of lycopene supplementation before radical prostatec tommy Cancer Epidemiol Biomarkers Prev. 2001 Aug1o061-8
  23. Effects of lycopene supplementation in patients with localized prostate cancer. Exp Biol Med (Maywood). 2002 Nov:227(10):881-5.
  24. Lycopene inhibits disease progression in patients with benign prostate hyperplasia. J Nutr. 2008 Jan;138(1):49-53
  25. Cutaneous concentration of lycopene correlates significantly with the roughness of the skin. Eur J Pharm Biopham 2008 Aug 631.943-7
  26. Tomato paste rich in lycopeneprotects against cutaneous photodamage in humans invivo:a randomized controlled trial. Br J Dermatol. 2011 Jan;164(1):154-62
  27. Lycopene: a review of its potential as an anticancer agent. Curr Med Chem Anticancer Agents. 2005 Nov:5(6) 627-35
  28. Meta-analysis of the association between dietary lycopene intake and ovarian cancer risk in postmenopausal women. Sci Rep. 2014 May 9:44885.
  29. The role of tomato products and lycopene in the prevention of gastric cancer: a meta-analysis of epidemiologic studies. Med Hypotheses 2013 Apr,8043-383-8
  30. Carotenoid italie and esophageal cancer risk a meta-analysis. Asian Pac J Cancer Prev.2013;14(3):1911-8.
  31. Tomato Lycopene and Lung Cancer Prevention: From Experimental to Human Studies Cancers Basel), 2011 Jun 32: 2333-2357.
  32. Effects of oral lycopene supplementation on vascular function in patients with cardiovascu lar disease and healthy volunteers: a randomised controlled trial PLoS One. 2014 Jun 9:90699070
  33. Lycopene and its Antioxidant Role in the Prevention of Cardiovascular Diseases – A Critical Review. Crit Rev Food Sci Nutr. 2015 Feb 12:0
  34. Relationship of lycopene intake and consumption of tomato products to incident CVD. Br J Nutr. 2013 Aug 28:110033545 51.
  35. Dietary restriction of lycopene for a period of one month resulted in significantly increased biomarkers of oxidative stress and bone resorption in postmenopausal women. J Nutr Health Aging, 2011 Feb:15(2):133-8
  36. Supplementation with the antioxidant lycopene significantly decreases oxidative stress parameters and the bone resorption marker N-telopeptide of type I collagen in postmeno- pauad women Osteoapporosint, 2011 Ap,2200-1001-101
  37. Protective effect of total carotenoid and lycopene intake on the risk of hip fracture: a 17-year follow-up from the Framingham Osteoporosis Study. J Bone Miner Res. 2009 Jun24(6):1066-94
  38. Lycopene and male intertility. Aslan J Androl. 2014 May-Jun, 163420-5
  39. Lycopene therapy in idiopathic male infertility–a preliminary report. Int Urol Nephrol 2002 34(3):369-72

กลับสู่สารบัญ

เรียบเรีบงและจัดทำโดย Sirikul Shop

สิทธิพิเศษเมื่อสมัครสมาชิกกิฟฟารีนกับเรา

  • ค่าสมัครเพียง 180 บาท เป็นสมาชิกตลอดชีพ ไม่มีค่าต่ออายุรายปี
  • รับแคตตาล็อกสินค้าพร้อมบัตรสมาชิก และรับส่วนลดในการซื้อสินค้าราคาสมาชิก 25% ได้ทันที
  • รับเงินปันผล 10%-15%-25% คืนกลับมาจากการใช้สินค้าทุกเดือน และรับโบนัสพิเศษอื่นๆ อีกมากมาย
  • รับสิทธิ์แลกซื้อสินค้าราคาโปรโมชั่นพิเศษประจำเดือน และโปรโมชั่นของแถมประจำสัปดาห์ ได้ทุกเดือน
  • ประกันคุ้มครองชีวิตฟรี ในรหัสเดียวกัน สามี/ภรรยา วงเงินตั้งแต่ 120,000-320,000 บาท
  • สามารถเลือกได้ว่าต้องการเป็นผู้ใช้สินค้าเพียงอย่างเดียว หรือ ต้องการทำเป็นธุรกิจเพื่อสร้างรายได้
  • สร้างเครือข่ายได้รับลิขสิทธิ์ 4%-10% พร้อมส่งต่อเครือข่าย และรายได้ทั้งหมด เป็นมรดกให้ทายาท
  • เมื่อขึ้นตำแหน่งแล้วจะไม่มีการปรับหรือลดตำแหน่งในภายหลัง แม้ว่าจะไม่ได้รักษายอดในเดือนถัดไป
สำหรับท่านที่สมัครสมาชิกกิฟฟารีน กับ ทางเว็บไซต์ ของเรา
  • รหัส สมาชิก ของท่าน คือ คูปองส่วนลด 25% ในการ ซื้อ สินค้า กับทาง เว็บไซต์ ของเรา
  • เราจำกัดแค่ ต้องใช้คูปองกับ เว็บไชต์ ของเรา แต่ เราไม่ได้จำกัด ผู้ใช้ คุณ จะให้ใครใช้ก็ได้ โดย เราจัดส่งให้ ฟรี !
  • สำหรับ ท่าน ที่ต้องการต่อยอด ธุรกิจ ลองปรีกษาเรา เรายินดีที่จะให้คำปรึกษา แก่คุณ
  • ชองทางสะดวกให้คำปรึกษา Fan Page Sirikul Shop
สมัครสมาชิก กิฟฟารีน
Shopping Cart
Scroll to Top