โลชั่นบำรุงผิวกาย ผสม แอสตาแซนธิน คอลลาเจน โซเดียมไฮยาลูโรเนต และ มอยเจอร์ไรเซอร์ กิฟฟารีน แอสตาแซนธิน เอจ-ดีไฟอิ้ง บอดี้ โลชั่น (250 มล.)
Giffarine Astaxanthin Age-Defying Body Lotion : Skin Care Lotion Mixed with Astaxanthin Collagen Sodium Hyaluronate and Moisturizer (250 ml.)
ให้ผิวชุ่มชื่น กระชับ แลดูอ่อนกว่าวัย
โลชั่นถนอมผิวกายเพื่อลดเลือนริ้วรอย สูตรเข้มข้นพิเศษ ซึมซาบเร็ว แต่ไม่เหนียวเหนอะหนะ มีส่วนผสมของ แอสตาแซนธิน (Astaxanthin) ที่ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยแห่งวัย ผสานคุณค่าจาก คอลลาเจน สกัดจากปลา (Fish Collagen) และ โซเดียมไฮยาลูโรเนต (Sodium Hyaluronate) จึงช่วยเติมความชุ่มชื้นและกระชับผิวให้แลดูอ่อนกว่าวัย พร้อมส่วนผสมจาก น้ำมันธรรมชาติและมอยเจอร์ไรเซอร์จากธรรมชาติ (Natural Oil & Natural Moisturizer) ช่วยบำรุงและถนอมผิวให้เนียนนุ่ม น่าสัมผัส
มอยเจอร์ไรเซอร์
มอยเจอร์ไรเซอร์ คือ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีคุณสมบัติให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวและช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น ทำให้ผิวนุ่มและอิ่มน้ำมากขึ้น ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพและป้องกันการสร้างน้ำมันส่วนเกินบนผิวหนัง ทั้งยังปกป้องผิวจากปัญหาผิวแห้งกร้าน ลอกเป็นขุย คันและระคายเคือง โดยมอยเจอร์ไรเซอร์อาจมีหลายเนื้อสัมผัสและหลายประเภท เช่น ครีม ขี้ผึ้ง โลชั่น สูตรน้ำ สูตรน้ำมัน ซึ่งอาจเหมาะสมกับสภาพผิวที่แตกต่างกันไป
ประโยชน์ของ มอยเจอร์ไรเซอร์
การใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ให้เหมาะกับสภาพผิวเป็นประจำอาจให้ประโยชน์ต่อผิว ดังนี้
- ช่วยเพิ่มและกักเก็บความชุ่มชื้นภายในผิว ทำให้ผิวดูอิ่มน้ำ อ่อนนุ่ม ชุ่มชื้นและเรียบเนียนมากขึ้น
- ช่วยปกป้องผิวจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง เช่น อากาศแห้ง เย็น ซึ่งอาจส่งผลทำให้ผิวแห้งกร้าน ผิวแตก ลอก คันและระคายเคือง ทั้งยังอาจช่วยป้องกันปัญหาผิวขาดน้ำ
- ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ ส่งผลทำให้ผิวมีความสม่ำเสมอและเรียบเนียนมากขึ้น
- ช่วยลดเลือนริ้วรอยและความเหี่ยวย่น สำหรับมอยเจอร์ไรเซอร์ที่มีส่วนผสมของวิตามินเออาจช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนที่เป็นโครงสร้างของผิวหนัง ทำให้ผิวแข็งแรงและมีความยืดหยุ่นมากขึ้น
วิธีเลือกมอยเจอร์ไรเซอร์ให้เหมาะกับผิว
การเลือกมอยเจอร์ไรเซอร์ให้เหมาะกับสภาพผิวของแต่ละคน อาจช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของมอยเจอร์ไรเซอร์ในการบำรุงผิวได้ ดังนี้
- สภาพผิวปกติ เป็น ลักษณะของผิวที่แข็งแรง มีความสมดุลของน้ำมันและความชุ่มชื้นบนผิว ควรเลือกมอยเจอร์ไรเซอร์ประเภทเนื้อครีมหรือเจลที่มีความบางเบา ที่อาจมีส่วนผสมของกรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid) ไดเมทิโคน (Dimethicone) ว่านหางจระเข้ และกลีเซอรีน (Glycerin)
- สภาพผิวผสม เป็น ลักษณะของผิวผสมระหว่างผิวแห้งกับผิวมัน โดยผิวอาจแห้งและมันบางบริเวณ เช่น ผิวอาจมันมากบริเวณทีโซน (T-Zone) หน้าผาก จมูก คาง ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาผิว เช่น รูขุมขนกว้าง สิวอุดตัน ที่อาจเกิดขึ้นเฉพาะจุด จึงควรเลือกมอยเจอร์ไรเซอร์ประเภทที่มีความบางเบาทาในบริเวณทีโซน ซึ่งเป็นบริเวณที่ผิวมัน และประเภทครีมที่มีความหนักกว่าในส่วนที่ผิวแห้ง โดยอาจมีส่วนผสมของกรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) และทีทรีออยล์ (Tea Tree Oils) ที่มีส่วนช่วยในการผลัดเซลล์ผิว ลดความมันในบริเวณที่ผิวมัน และช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นในบริเวณที่ผิวแห้ง
- สภาพผิวแห้ง เป็น ลักษณะของผิวที่ขาดความชุ่มชื้น ส่งผลทำให้ผิวดูหมองคล้ำ แห้ง แตก ลอก ผิวตึงและขาดความยืดหยุ่น ควรเลือกมอยเจอร์ไรเซอร์ประเภทน้ำมัน เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น ซึ่งอาจมีส่วนผสมของกรดไฮยาลูโรนิก ไดเมทิโคน (Dimethicone) ลาโนลิน (Lanolin) น้ำมันแร่ (Mineral Oil) พาราฟินเหลว (Liquid Paraffin) ปิโตรลาทัม (Petrolatum) โพรพิลีน ไกลคอล (Propylene Glycol) ยูเรีย (Urea) โจโจ้บาออยล์ (Jojoba Oil) น้ำมันอัลมอนด์ น้ำมันจมูกข้าวสาลี น้ำมันมะพร้าว น้ำมันละหุ่ง น้ำมันเมล็ดองุ่น เชียบัตเตอร์ (Shea Butter) ขี้ผึ้ง (Beeswax Cholesterol) สควาลีน (Squalene) กรดไขมัน กรดแลคติก (Lactic Acid) และซูโดเซอราไมด์ (Pseudo-Ceramides)
- สภาพผิวมันและเป็นสิวง่าย เป็น ลักษณะของผิวที่มันกว่าปกติ เนื่องจากผิวผลิตน้ำมันส่วนเกินออกมามากขึ้น ทำให้ผิวมันวาว รูขุมขนกว้าง อาจทำให้เป็นสิวได้ง่ายขึ้น ควรเลือกมอยเจอร์ไรเซอร์ประเภทที่ไม่ก่อให้เกิดสิวและไม่อุดตันรูขุมขน โดยอาจมีส่วนผสมของกรดไกลโคลิก (Glycolic Acid) กรดไฮยาลูโรนิก เรตินอล (Retinol) สควาลีน ทีทรีออยล์ และกรดซาลิไซลิก
- สภาพผิวบอบบาง แพ้ง่าย เป็น ลักษณะของผิวที่อ่อนแอ บอบบาง ระคายเคืองง่ายและไวต่อสิ่งกระตุ้น เช่น แสงแดด มลภาวะ เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว การเสียดสีกับเนื้อผ้าบางชนิด อาจทำให้มีอาการผื่นแดง คัน แสบร้อน ผิวอักเสบ ผิวลอก ควรเลือกมอยเจอร์ไรเซอร์ประเภทที่ปราศจากน้ำหอม ปราศจากสารก่อภูมิแพ้และมีส่วนผสมน้อย อาจมีส่วนผสมของว่านหางจระเข้และกลีเซอรีน
- สภาพผิวที่เสื่อมตามอายุ เป็น ลักษณะของผิวที่อาจพบได้บ่อยในผู้สูงอายุ เนื่องจาก การเสื่อมสภาพของเซลล์ผิวหนัง อาจทำให้ผิวอ่อนแอ ขาดความยืดหยุ่น ริ้วรอยเหี่ยวย่นหรือมีจุดด่างอายุ ควรเลือกมอยเจอร์ไรเซอร์ที่มีความเข้มข้นของน้ำมันและโปรตีนผิว ซึ่งอาจมีส่วนผสมของปิโตรลาทัม โจโจ้บาออยล์ น้ำมันมะพร้าว คอลลาเจน อีลาสติน (Elastin) และเคราติน (Keratin) เพื่อให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว และกระตุ้นการสร้างความแข็งแรงของผิวหนัง
วิธีใช้: ลูบไล้โลชั่นให้ทั่วผิวกายเป็นประจำทุกวัน ทุกเช้าและก่อนนอน หรือบ่อยครั้งตามต้องการ
การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ สําหรับผิวหน้า ให้เหมาะสมกับความต้องการของผิว
หนาวนี้ไม่มีหวั่น ด้วยบอดี้โลชั่น สูตรเข้มข้น จาก กิฟฟารีน
เติมความชุ่มชื้น และกระชับผิว ให้แลดูอ่อนกว่าวัย
แอสตาแซนธิน เอจ-ดีไฟอิ้ง บอดี้ โลชั่น สูตรเข้มข้นพิเศษ ซึมซาบเร็ว แต่ไม่เหนียวเหนอะหนะ
ผิวนุ่ม เปล่งปลั่ง อิ่มน้ำ เรียบเนียน แลดูอ่อนกว่าวัย
พร้อมเพิ่มเสน่ห์ความหอม ชวนหลงใหล กิฟฟารีน ไฮยา แอนตี้-เอจจิ้ง บอดี้ โลชั่น กลิ่นฟอร์เอฟเวอร์ ยัง
บํารุงผิวกายเข้มข้น พร้อมฟื้นฟู
และ เติมเต็มความชุ่มชื้น แลดูกระจ่างใส กิฟฟารีน เมอริเนี่ยน โอลีฟ เวอร์จิ้น เอจ บอดี้ ไวท์
เซตคู่เพื่อการบํารุงผิว บริเวณลําคออย่างเข้มข้น
เพื่อผลลัพธ์ของผิว แลดูกระชับ ไม่หย่อนคล้อย
สุดยอดผลิตภัณฑ์แห่งความอ่อนเยาว์ แอสตาแซนธิน เอจ-ดีไฟอิ้ง ซีรี่ย์
จากพลังแห่งสารต้านอนุมูลอิสระอันทรงประสิทธิภาพเพื่อความเยาว์วัยของผิวพรรณที่ได้รับการยอมรับจากวารสาร ทางวิชาการระดับนานาชาติ สู่การรังสรรค์เป็นชุดผลิตภัณฑ์บํารุงผิว แอสตาแซนธิน เอจ – ดีไฟอิ้ง เพื่อการต่อต้านริ้วรอย และความร่วงโรย ย้อนคืนความอ่อนวัยให้ผิว ด้วยคุณค่าจากแอสตาแซนธิน สารสีแดงจากสาหร่ายฮีมาโตคอกคัส พลูวิเอลิส (Haematococcus pluvialis) ที่ช่วยบํารุงและฟื้นฟูผิวได้อย่างล้ําลึก ด้วยคุณค่าของ แอสตาแซนธิน (Astaxanthin) คอลลาเจน ( Collagen) และ โซเดียมไฮยาลูโรเนต (Sodium Hyaluronate)
แอสตาแซนธิน คืออะไร
แอสตาแซนธิน (Astaxanthin) เป็นสารสีแดงในกลุ่มแคโรทีนอยด์ ที่ได้จากมาจากธรรมชาติ ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่มีประสิทธิภาพสูง ป้องกันการเสื่อมสภาพผิวจากแสงแดด และช่วยลดการอักเสบ นอกจากนี้ยังเป็นสารที่ร่างกายของเรา สามารถดูดซึมนําไปใช้ได้ง่ายอีกด้วย แอสตาแซนธิน (Astaxanthin) “ราชินีแห่งสารต้านอนุมูลอิสระ ย้อนเวลาแห่งความอ่อนเยาว์”
ความมหัศจรรย์ของแอสตาแซนธิน สารสกัดสีแดงจากสาหร่ายฮีมาโตคอกคัสพลูวิเอลิส
- ช่วย ความอ่อนเยาว์ และสดใส
- ช่วย ปกป้องเซลล์จากการทําลาย ของอนุมูลอิสระ ในรังสียูวี
- สารต้านอนุมูลอิสระเข้มข้น ช่วยชะลอการเสื่อม และฟื้นฟูเซลล์ต่างๆ
แอสตาแซนธิน (Astaxanthin) สามารถพบได้ในแหล่งน้ําธรรมชาติ และในสภาพแวดล้อมทะเล รวมทั้ง พบในเปลือกกุ้ง เปลือกปู นอกจากนี้ยังพบแอสตาแซนธินจากสาหร่าย Haematococus pluvialis ซึ่งถือได้ว่าเป็น แหล่งที่มีแอสตาแซนธินมากที่สุดในธรรมชาติอีกด้วย
ทําไมหนอ ?? แอสตาแซนธิน จึงเหนือกว่าสารตัวอื่นในการดูแลผิวพรรณ…. แอสตาแซนธิน (Astaxanthin) มีความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระสูงที่สุด ในสารกลุ่มแคโรทีนอยด์ด้วยกัน มีคุณสมบัติพิเศษ คือ มีโครงสร้างที่สามารถอยู่ได้ทั้งส่วนที่เป็นชั้นน้ํา และชั้นไขมันของผิว ต่างกับเบต้าแคโรทีน ที่จะอยู่ได้เฉพาะส่วนที่เป็นชั้นไขมัน และวิตามินซีจะอยู่ได้เฉพาะส่วนที่เป็นชั้นน้ํา จึงมีคุณสมบัติที่เหนือกว่าสารต้านอนุมูลอิสระอื่นๆ ในการปกป้องเซลล์ผิว
สารต้านอนุมูลอิสระประสิทธิภาพสูง ที่มีงานวิจัยระดับนานาชาติยอมรับในเรื่องผิวอ่อนเยาว์ มีงานวิจัยหลายฉบับ ศึกษาถึงผลของแอสตาแซนธินต่อสุขภาพผิว พบว่า การใช้ครีมที่มีส่วนผสมของ แอสตาแซนธินทุกวัน เป็นเวลา 2-8 สัปดาห์ มีผลให้ริ้วรอยตื้น ที่มีลักษณะเป็นเส้นริ้วตาข่าย บริเวณหางตาและแก้ม ดูจางลง
“แอสตาแซนธิน” เหมาะกับใครบ้าง
- ผู้ที่มีความกังวลเรื่องการเกิดริ้วรอย
- ผู้ที่รู้สึกว่าผิวหน้าขาดความชุ่มชื้น
- ผู้ที่ต้องการปกป้องผิวจากมลภาวะต่างๆที่เจอในชีวิตประจําวัน
- ผู้ที่ต้องการบํารุงผิว
- ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิว
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ กรดไฮยาลูโรนิก และ โซเดียมไฮยาลูโรเนต
โซเดียมไฮยาลูโรเนต (Sodium Hyaluronate) คืออะไร ?
โซเดียมไฮยาลูโรเนต (Sodium Hyaluronate) คือ อนุพันธ์ของ กรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid) ที่ถูกพัฒนาให้สามารถละลายน้ำได้ดี และมีโมเลกุลขนาดเล็กกว่า สามารถซึมเข้าได้สู่ผิวได้ทุกสภาพผิว
ซึ่ง โซเดียมไฮยาลูโรเนต (Sodium Hyaluronate) เป็น สารเติมความชุ่มชื้นให้แก่ผิว พร้อมทั้งช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น ช่วยให้ผิวแข็งแรง สุขภาพดี ผิวดูอิ่มฟู ลดเลือนริ้วรอย และปรับสมดุลให้แก่ผิว
ปัจจุบันนิยมนำมาใช้เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและเครื่องสำอางหลากหลายชนิด เพราะสามารถซึมเข้าสู่ผิวได้อย่างล้ำลึก
โดย กรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid) เป็น กรดที่ร่างกายสามารถผลิตขึ้นมาได้เอง สามารถพบได้ทั่วไปตามร่างกาย เป็นกรดที่ช่วยเพิ่มความต้านทาน เพิ่มความยืดหยุ่น และลดการเสียดสีของเซลล์
แต่เมื่ออายุมากขึ้นร่างกายผลิต กรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid) ได้น้อยลง ทำให้ต้องใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิว หรือเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของไฮยาลูรอนิคแอซิดเพื่อความเยาว์วัยของผิว
ความแตกต่างระหว่าง โซเดียมไฮยาลูโรเนต กับ กรดไฮยาลูโรนิก
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า โซเดียมไฮยาลูโรเนต (Sodium Hyaluronate) คือ อนุพันธ์ของ กรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid) ที่ถูกพัฒนาขี้น และมีโมเลกุลขนาดเล็กกว่า
ข้อแตกต่างระหว่าง โซเดียมไฮยาลูโรเนต (Sodium Hyaluronate) และ กรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid) คือ ขนาดโมเลกุล นอกจากขนาดของโมเลกุลที่แตกกันแล้ว คุณสมบัติขอสารทั้งสองชนิดยังแตกต่างกันอีกด้วย โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
คุณสมบัติของ โซเดียมไฮยาลูโรเนต Sodium Hyaluronate
อย่างเรารู้กันว่า โซเดียมไฮยาลูโรเนต (Sodium Hyaluronate) มีขนาดโมเลกุลที่เล็กกว่า เพราะ โซเดียมไฮยาลูโรเนต (Sodium Hyaluronate) เป็นอนุพันธ์ที่พัฒนามาจาก กรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid) ซึ่งทำให้สามารถซึมเข้าสู่ผิวได้ดีมากกว่า โดยที่คุณสมบัติของ โซเดียมไฮยาลูโรเนต (Sodium Hyaluronate) มีดังนี้
- ช่วยเติมความชุ่มชื้น
- ช่วยให้ผิวดูอิ่มฟู
- ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นให้ผิว
- ช่วยลดลดเลือนริ้วรอย
- ช่วยปรับสมดุลให้แก่ผิว
- ช่วยปลอบประโลมผิวที่โดนทำร้ายจากมลภาวะ
ประโยชน์ของ Sodium Hyaluronate กับการดูแลผิว
- ช่วยบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น Sodium Hyaluronate เป็นสารที่สามารถละลายน้ำได้ดี ตามรายงานในปี 2019 พบว่า Sodium Hyaluronate ที่มีขนาดโมเลกุลเล็กกว่าเมื่อเทียบกับ Hyaluronic Acid สามารถเก็บความชุ่มชื้นให้แก่ผิวได้ดีกว่า นอกจากนี้ยังช่วยลดความแห้งกร้านและช่วยผลัดเซลล์ผิวได้ด้วย เมื่อผิวได้รับน้ำที่เพียงพอต่อความต้องการจะช่วยรักษาสมดุลให้แก่ผิว ทำให้ผิวแลดูมีสุขภาพดี และอ่อนเยาว์
- ช่วยลดเลือนริ้วรอย เพราะคุณสมบัติที่สามารถละลายน้ำและซึมเข้าสู่ผิวได้ดีของ Sodium Hyaluronate ซึ่งเมื่อทาผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Sodium Hyaluronate จะช่วยทำให้ผิวสามารถกักเก็บความชุ่มชื้นไว้ได้ ซึ่งช่วยลดโอกาสที่ทำให้เกิดริ้วรอยก่อนวัย นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยพบว่าผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Sodium Hyaluronate สามารถลดความลึกของริ้วรอยบนผิวลงได้จริง
- ช่วยลดการอักเสบของผิว จากการศึกษาในปี 2013 และ 2014 พบว่าสาร Sodium Hyaluronate สามารถช่วยบรรเทาการอักเสบของผิวหนังได้ โดย Sodium Hyaluronate สามารถส่งเสริมการผลิต beta-defensin 2 ซึ่งเป็นสารประกอบที่ช่วยในการรักษาเนื้อเยื่อ ยังควบคุมการทำงานของเซลล์อักเสบ ทำให้ Sodium Hyaluronate มีคุณสมบัติสามารถลดรอยแดง อาการแสบร้อน และตุ่มนูน ที่มีสาเหตุมาจากการจากอักเสบของผิวได้
- ช่วยรักษาบาดแผล จากการศึกษาในปี 2017 พบว่า Hyaluronic Acid สามารถช่วยรักษาแผลเป็นและแผลที่เกิดจากไฟไหม้ได้ โดย Hyaluronic Acid ส่งเสริมการเพิ่มจำนวนของเซลล์และการซ่อมแซมของเนื้อเยื่อทำให้บาดแผลมีอาการที่ดีขึ้น ทั้งนี้หากแพทย์ใช้สารนี้ทาลงไปบริเวณที่เกิดแผลก็อาจช่วยลดขนาดของบาดแผล ลดความเสี่ยงของการติดเชื้อ และช่วยเร่งให้บาดแผลหายเร็วขึ้นได้
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ คอลลาเจน
ประโยชน์ ของ คอลลาเจน
- คอลลาเจน เป็นโครงสร้างที่ สําคัญของผิวหนัง ผิวหนังที่ เสื่อมจากวัยมีรอยย่นเกิดจากปริมาณคอลลาเจนในผิวหนังลดลง
- ช่วยให้ความแข็งแรงและความยืดหยุ่นกับผิว
- ช่วยในการเจริญเติบโตของเซลล์
- ช่วยการผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว
- ช่วยสร้างโปรตีนทุกชนิดใน ร่างกาย ทั้งกระดูกอ่อนของข้อและสร้างเคราตินของผม
- ช่วยให้เลือดแข็งตัว ป้องกันไม่ให้ร่างกายเสียเลือดมากเกินไป
- ช่วยบํารุงกระดูก ข้อ และผม
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ แอสตาแซนธิน และสารที่มีประโยชน์ กับ ริ้วรอยบนผิวหนัง
ประโยชน์ ของ แอสตาแซนธิน
- มีประสิทธิภาพในการต้านอนุมูลอิสระสูงมาก
- ช่วยลดน้ําหนัก โดยเพิ่มการเผาผลาญไขมัน สามารถลดไขมันได้ถึง 34% ใน 60 วัน
- ช่วยบํารุงผิวพรรณ ให้ สวย สดใส อ่อนวัยจากภายใน เพิ่มความ ชุ่มชื้น เพิ่มความเนียนนุ่ม เพิ่มความยืดหยุ่น ลดเลือนริ้วรอย
- ลดการสร้างเม็ดสี ทําให้ผิวขาวผุดผ่องขึ้น ลดเลือนรอยด่างดํา
- ป้องกันการตีบตันของหลอดเลือด โดยป้องกันการทําลาย ผนังหลอดเลือดจากอนุมูลอิสระและป้องกัน LDL จากการจู่โจม ของอนุมูลอิสระ
- ลดความดันโลหิต โดยขยายหลอดเลือด และเพิ่มความยืดหยุ่น ให้ผนังหลอดเลือด
- ลดระดับน้ําตาลในเลือดในคนไข้เบาหวาน และป้องกันภาวะแทรก ซ้อนของโรคเบาหวาน โดยพบว่าปริมาณโปรตีนที่สูญเสียออกมาใน ปัสสาวะของคนไข้เบาหวาน กลับเป็นปกติเมื่อได้รับแอสตาแซนธิน
- ป้องกันมะเร็ง ยับยั้งการเติบโต และแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง
- ปกป้องกล้ามเนื้อทั่วไป และกล้ามเนื้อหัวใจไม่ให้อักเสบ และถูกทําลายขณะใช้งานหนักอย่างต่อเนื่อง
- ลดอาการเมื่อย และอ่อนล้าของกล้ามเนื้อตา ได้ถึง 54% ซึ่งเป็นสาเหตุของการปวดและชาที่ศีรษะ คอ หลัง ไหล่ แขน มือ ลําตัว ตาแห้ง เคืองตา ปวดตา เมื่อยตา
- ปกป้องเยื่อบุกระเพาะอาหาร ป้องกันการอักเสบและการเกิดแผลในกระเพาะอาหารป้องกัน และลดอาการของภาวะกรดไหลย้อน ป้องกันมะเร็ง ในกระเพาะอาหาร ควบคุมเชื้อเฮลิโคแบคเตอร์ (Helicobacter Pylori) โดยเพิ่มภูมิต้านทานของร่างกายในการกําจัดเชื้อโรคนี้
- เพิ่มความฟิตให้ร่างกาย
ดูแลผิวหน้า และผิวกาย อย่างเข้มข้น ล้ำลึก ด้วยคุณค่าจาก สาหร่ายสีแดง
สุดยอดผลิตภัณฑ์แห่งความอ่อนเยาว์ แอสตาแซนธิน เอจ-ดีไฟอิ้ง ซีรี่ย์ พลังแห่งสารต้านอนุมูลอิสระอันทรงประสิทธิภาพ ให้ผิวอ่อนเยาว์อยู่คู่กับคุณไปอีกนาน ประกอบไปด้วย
ที่สุดแห่งการลดเลือนริ้วรอย
แอสตาแซนธิน เอจ-ดีไฟอิ้ง เฟเชียล ครีม ครีมบํารุงผิวหน้า สูตรเข้มข้นพิเศษ ผสาน ประสิทธิภาพชั้นเลิศ ของแอสตาแซนธิน คอลลาเจน และ ไฮยาลูรอน
เรื่องคอ อย่ารอ เมื่อสาย
แอสตาแซนธิน เอจ-ดีไฟอิ้ง เนค ครีม บํารุงผิวบริเวณลําคอ อย่างเข้มข้น เพื่อผลลัพธ์ของผิวกระชับ ไม่หย่อนคล้อย
เพิ่มการบํารุงเป็นพิเศษ
แอสตาแซนธิน เอจ-ดีไฟอิ้ง อินเทนซีฟ ซีรั่ม ซีรั่มเนื้อบางเบา เต็มเปี่ยมด้วยส่วนผสมที่เข้มข้นจาก Astaxanthin
ผิวกายชุ่มชื้น ริ้วรอยดูเลือนลง
แอสตาแซนธิน เอจ-ดีไฟอิ้ง บอดี้ โลชั่น เติมความชุ่มชื้น ลดเลือนริ้วรอย พร้อมกระชับผิว ให้แลดูอ่อนกว่าวัย
มือนุ่มละมุน อ่อนวัย
แอสตาแซนธิน เอจ-ดีไฟอิ้ง แฮนด์ แอนด์ เนล ครีมถนอมมือ และ เล็บ สูตรเข้มข้น เพื่อลดเลือนริ้วรอย
เรียบเรียงและจัดทำโดย Sirikul Shop
รหัสสินค้า : 10718
เลขที่จดแจ้งผลิตภัณฑ์ : 10-1-6200026694
ขนาด กxยxส : 8x20x5.5
น้ำหนัก/กิโลกรัม : 0.28
รีวิว
ยังไม่มีบทวิจารณ์