,

สบู่กลีเซอรีน ผสม วิตามิน ซี วิตามิน อี วิตามินบี 3 และ เชียบัตเตอร์ กิฟฟารีน ซี-อี ไวท์ ไวท์เทนนิ่ง โซพ (70 กรัม)

132฿

บำรุงผิวเปล่งปลั่ง ด้วยคุณค่าของ วิตามิน ซี และ อี

สบู่กลีเซอรีน อุดมด้วยคุณค่าจาก Vitamin C และ Vitamin E ช่วยให้ผิวเปล่งปลั่ง กระจ่างใส เนียน นุ่ม น่าสัมผัส ฟองนุ่มละเอียด ทําความสะอาดผิวได้อย่างอ่อนโยน พร้อมกลิ่นหอมให้ความรู้สึกสดชื่น

อุดมด้วยส่วนผสมของ

  • Vitamin C, Papaya Extract Vitamin B3 ที่ช่วยให้ผิวแลดูกระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ
  • ผสานด้วย Vitamin E และ Shea Butter 100 % Natural ช่วยบํารุงผิวให้เนียน นุ่ม ชุ่มชื่น น่าสัมผัสยิ่งขึ้น

Availability: มีสินค้าอยู่ 20

สบู่กลีเซอรีน ผสม วิตามิน ซี วิตามิน อี วิตามินบี 3 และ เชียบัตเตอร์ กิฟฟารีน ซี-อี ไวท์ ไวท์เทนนิ่ง โซพ (70 กรัม)

Giffarine C-E White Whitening Soap : Glycerin Soap Mixed With Vitamin C Vitamin E Vitamin B3 and Shea Butter (70 grams)

บำรุงผิวเปล่งปลั่ง ด้วยคุณค่าของ วิตามิน ซี และ อี

สบู่กลีเซอรีน อุดมด้วยคุณค่าจาก วิตามินซี Vitamin C และ วิตามิน อี Vitamin E ช่วยให้ผิวเปล่งปลั่ง กระจ่างใส เนียน นุ่ม น่าสัมผัส ฟองนุ่มละเอียด ทําความสะอาดผิวได้อย่างอ่อนโยน พร้อมกลิ่นหอมให้ความรู้สึกสดชื่น

อุดมด้วยส่วนผสมของ

  • Vitamin C, Papaya Extract Vitamin B3 ที่ช่วยให้ผิวแลดูกระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ
  • ผสานด้วย Vitamin E และ เชียบัตเตอร์ Shea Butter 100 % Natural ช่วยบํารุงผิวให้เนียน นุ่ม ชุ่มชื่น น่าสัมผัสยิ่งขึ้น

กลีเซอรีน

“กลีเซอรีน” มีคุณสมบัติ คือ เป็นส่วนช่วยหล่อลื่นเหมือนมอยซ์เจอร์ไรเซอร์เพื่อปกป้องผิวไม่ให้แห้งและดูดซับความชื้นเมื่อสัมผัสกับอากาศ ซึ่งจะทำให้รู้สึกว่าผิวมีความชุ่มชื้น อ่อนโยนต่อผิว ไม่ทำให้อุดตันรูขุมขน เนื่องจาก สบู่ชนิดนี้มีส่วนผสมของ “กลีเซอรีน” ค่อนข้างมาก จึงมีความนิ่มกว่าสบู่ในท้องตลาดทั่วไป ราคาค่อนข้างสูง แต่ถ้าเปรียบเทียบคุณสมบัติกับสบู่ทั่วไปก็นับว่าคุ้มค่ากับเงินที่เสียไป

สบู่กลีเซอรีน เป็นสบู่ที่ใช้วิธีการผลิต โดยการทำปฏิกริยากันระหว่างน้ำมันกับสารละลายด่าง ซึ่งวิธีนี้จะทำให้เกิด “กลีเซอรีน” ธรรมชาติอยู่ในตัวสบู่ และกลีเซอรีนนี้เองที่เป็นสารที่ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว และยังสามารถเติมสารธรรมชาติอื่น ๆ เพื่อเพิ่มคุณค่าในการบำรุงผิวเพิ่มมากขึ้นได้ตามต้องการ ลักษณะของเนื้อสบู่ที่ได้มักจะนิ่ม และละลายน้ำง่าย การปั๊มขึ้นรูปของสบู่จึงทำได้ยาก จึงมักจะมีรูปทรงธรรมดาเช่น สี่เหลี่ยมหรือวงกลม

นอกจากนั้นคุณค่าของสบู่ที่มีต่อผิวยังขึ้นอยู่กับชนิดของน้ำมันที่เลือกใช้ ซึ่งน้ำมันแต่ละชนิดกันจะมีคุณประโยชน์ที่แตกต่างกัน สบู่ทั่วไป เป็นสบู่ที่ผลิตเชิงอุตสาหกรรมโดยใช้เครื่องจักรเป็นหลัก เพื่อผลิตให้ได้ปริมาณมาก โดยการนำเกล็ดสบู่ หรือที่เรียกกันว่า Soap Noodle หรือ Soap Chip มาเติมสารบำรุงผิว ซึ่งมักเป็นสารเคมี และน้ำหอม ลักษณะของเนื้อสบู่ที่ได้จะมีความแข็ง จึงสามารถนำมาปั๊มขึ้นรูปได้ จึงมักมีรูปก้อนสบู่ที่สวยงาม น่าใช้

วิตามินซี (Vitamin C)

“วิตามิน ซี (Vitamin C)” เป็น “สารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant)” ที่ดี มีส่วนช่วยในการสร้าง เนื้อเยื่อ “คอลลาเจน (Collagen)” จึงช่วยลดการเกิดริ้วรอยและช่วยป้องกันอันตรายจากรังสียูวีจากแสงแดด นอกจากนี้ยังสามารถลดภาวะการเกิดผิวหมองคล้ําได้อย่างนัยสําคัญ จึงเป็นส่วนสําคัญที่ช่วยให้ผิวพรรณแลดูกระจ่างใส และมีสุขภาพดี

ประโยชน์ของ วิตามินซี กับความสวยความงาม

มีบทบาทในระบบ “ปฏิกิริยาไฮดร๊อกซิเลชั่น (Hydroxylation)” ของ “โพรลีน (Proline)” เพื่อสร้าง “คอลลาเจน (Collagen)” ซึ่งเป็นองค์ประกอบของกระดูก กระดูกอ่อน ฟัน และผนังเส้นเลือด ช่วยเพิ่มการดูดซึมของเหล็ก ถ้าขาดจะมีเลือดออกตามไรฟัน อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร เหงือกบวม ฟันหลุดง่าย

  • มีส่วนช่วยในการทําหน้าที่ตามปกติของระบบภูมิคุ้มกัน
  • มีส่วนช่วยในกระบวนการต่อต้านอนุมูลอิสระ
  • มีช่วยให้หลอดเลือดแข็งแรง
  • มีส่วนช่วยในการสร้างคอลลาเจนเพื่อการทํางานตามปกติของผิวหนัง
ประโยชน์ของวิตามินซี ที่ช่วยเรื่องบำรุงผิว

นอกจาก “วิตามิน ซี (Vitamin C)” จะช่วยเรื่องสุขภาพและภูมิคุ้มกันของเราแล้ว ยังช่วยเรื่องผิวพรรณอีกด้วยไม่ว่าจะจากการรับประทานหรือจากการที่ผลิตภัณฑ์ต่างๆนำไปผสมจนเป็นสารบำรุงผิวสามารถใช้ภายนอกได้

  1. ช่วยเรื่องผิวกระจ่างใส วิตามินซีเองเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่มี่อนุภาคเป็นกรด และมีฤทธิฺในการยั้งยั้งการผลิตเม็ดสีเมลานิน จึงสามารถช่วยเรื่องการผลัดเซลล์ผิวและบำรุงผิวให้กระจ่างใสได้อย่างเป็นธรรมชาติ และปลอดภัยเมื่อใช้ในปริมาณที่เหมาะสมอีกด้วย
  2. ช่วยฟื้นฟูคอลลาเจน วิตามินซียังช่วยในการสร้างและฟื้นฟูคอลลาเจนที่อยู่ในชั้นผิว ทำให้ผิวมีความตึงขึ้นข่วยชะลอการเกิดริ้วรอยก่อนวัย
  3. เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ตัววิตามินซีเอง เมื่อนำมาเป็นสารบำรุงหน้าแล้ว มีสรระคุณในการควบคุมความมันและเก็บกักความชุ่มชื้นไว้ในผิว ทำให้หน้าไม่แห้งและมีความฉ่ำมากขึ้น
  4. กระชับรูขุมขน หน้าเรียบเนียน นอกจากจะช่วยในเรื่องฟื้นฟูคอลลาเจนแล้ว ด้วยคุณสมบัติในการควบคุมความมันของใบหน้า ทำให้ลดการผลิตน้ำมันจากต่อมไขมันในชั้นผิวหนัง ทำให้รูขุมขนที่กว้างเพราะผลิตน้ำมันมาก ดูเล็กลงจนใบหน้าดูเรียบเนียนผิวกระชับ
  5. ช่วยลดรอยดำและรอยแดง จากคุณสมบัติของวิตามินซีที่มีฤทธิ์เป็นกรดอ่อนๆ จึงช่วยเรื่องผลัดเซลล์ผิว จึงทำให้บริเวณที่มีรอยดำ หรือรอยแดงจากสิว จางลงเมื่อใช้อย่างต่อเนื่อง ให้สีผิวเรียบเนียนเท่ากันมากขึ้น
โรค หรือ ภาวะที่จะแนะนำ ในการใช้ วิตามินซี
  • เหมาะกับบุคคลทั่วไป
  • ผู้ที่มีอาการอ่อนเพลียเป็นประจํา

วิตามิน อี (Vitamin E)

“วิตามิน อี (Vitamin E)” เป็น “สารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant)” ป้องกันการแตกสลายของเยื่อหุ้มเซลล์ ทําให้เม็ดเลือดแดง ไม่แตกง่าย และจําเป็นต่อการเจริญและพัฒนาต่อเซลล์ประสาท

“วิตามิน อี (Vitamin E)” เป็น “สารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant)” ซึ่งจะไป “ทำให้เป็นกลาง (Neutralized)” ของการเกิด “อนุมูลอิสระ (Free radicals)” ดังนั้น “วิตามิน อี (Vitamin E)” เป็น สิ่งสำคัญในการดูแลรักษาผิว

มีการศึกษาวิจัยที่ชี้ให้เห็นว่า “วิตามิน อี (Vitamin E)” ช่วยลด “โรคสะเก็ดเงินเกิดผื่นแดง (Psoriasis erythema)” และช่วยลดการเสี่ยงการเกิดมะเร็งผิวหนัง ช่วยรักษาแผลเป็น และช่วยลดริ้วรอยบนผิว

และจากการศึกษาพบว่า ผิวหนังในบริเวณที่มีต่อมไขมันมาก เช่น ใบหน้า จะมีปริมาณของ “วิตามิน อี (Vitamin E)” มากกว่าบริเวณแขนถึง 20 เท่า เนื่องจากต่อมไขมัน เป็นช่องทางที่สำคัญ ในการหลั่ง “วิตามิน อี (Vitamin E)” ออกสู่ผิวหนัง

ประโยชน์ของ วิตามิน อี

ประโยชน์ของการใช้ ผลิตภัณฑ์ ที่มีส่วนผสมของ วิตามิน อี ในการป้องกันและรักษาผิวพรรณ

  1. ช่วยลดอัตราการทำลายของแสงแดด ที่ทำให้เกิดรอยแดง
  2. ลดอัตราการเกิดมะเร็งผิวหนังจากแสงแดด
  3. ช่วยชลอความชราภาพของผิว ลดริ้วรอยเหี่ยวย่น แตกลาย
  4. การให้ความชุ่มชื้นและ ลดความหยาบกร้านของผิวพรรณ

จะเห็นได้ว่า “วิตามิน อี (Vitamin E)” มีคุณสมบัติในการช่วยป้องกันผิวและช่วยบำรุงรักษาผิวและช่วยป้องกันอันตรายที่เกิด จากรังสีอุลตร้าไวโอเล็ตได้อีกด้วย

การใช้ “วิตามิน อี (Vitamin E)” เป็นส่วนผสมในเครื่องสำอางจะได้ผลดีหรือไม่ ขึ้นอยู่กับปริมาณ “วิตามิน อี (Vitamin E)” ที่ผสมอยู่ในเครื่องสำอาง ปริมาณ “วิตามิน อี (Vitamin E)” ที่ใช้เป็นส่วนผสมในครีมบำรุงจะต้องมีปริมาณความเข้มข้นที่ เหมาะสม เพื่อให้ผู้ใช้ได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่

ประโยชน์ของ ไนอะซินาไมด์ Niacinamide หรือ วิตามินบี 3 (Vitamin B3)

ไนอะซินาไมด์ (Niacinamide) มีประโยชน์มากสำหรับผิว สามารถช่วยรักษาสิว รวมทั้งลดการอักเสบและรอยแดง ปรับปรุงการทำงานของเกราะป้องกันผิว และทำให้จุดด่างดำดูจางลง

ไนอะซินาไมด์ (Niacinamide) ยังสามารถช่วยลดเลือนริ้วรอยและรอยเหี่ยวย่น การเปลี่ยนสีผิว และความแห้งกร้าน เมื่อนำมาใช้ในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวพรรณ มักจะรวมเป็นส่วนผสมใน เซรั่ม ครีม และโลชั่น

นอกจากนั้น ไนอะซินาไมด์ (Niacinamide) ยังดีต่อผิวของเราและสามารถช่วยฟื้นฟูผิวได้อย่างดี ต้านมลภาวะ เพิ่มความชุ่มชื่น นุ่มเนียน รูขุมขนดูกระชับ และอ่อนโยนต่อผิวกว่า สารสกัดประเภท AHA BHA

  1. ช่วยลดรอยแดง รอยดำ รอยสิวได้ดี และช่วยผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน
  2. ช่วยคุมความมัน Niacinamide เข้าไปปรับสมดุลในต่อมไขมัน และป้องกันไม่ให้ผลิตน้ำมันมากเกินไป
  3. ช่วยกระชับขนาดรูขุมขน เมื่อน้ำมันบนผิวลดลง ไม่มีสิ่งอุดตันรูขุมขน จึงทำให้รูขุมขนเรียบเนียนขึ้น
  4. ช่วยเติมความชุ่มชื้น ให้ผิวไม่ขาดน้ำ โดยกระตุ้นการผลิตเซราไมด์ (Ceramide) ให้ผิวชุ่มชื้น เหมาะสำหรับฟื้นฟูผิวที่แห้ง
  5. ปกป้องผิวจากอัลตราไวโอเลตในแสงแดด และกระตุ้นในการสร้างเกราะปกป้องผิวที่แข็งแรง Skin Barrier ทำหน้าที่คอยปกป้องผิวของเราเสมือนเป็นโล่ป้องกันที่เซลล์ผิว
  6. ลดริ้วรอย โดย Niacinamide จะเข้าไปสร้างคอลลาเจนบนชั้นผิว ทำให้ผิวเด้งอิ่มฟูขึ้น
  7. ช่วยลดสิวอุดตัน รอยสิว เพราะว่า Niacinamide มีส่วนในการช่วยลดการอักเสบ จึงเหมาะมากสำหรับคนที่เป็นสิวอักเสบ

 

ประโยชน์ของ เชียบัตเตอร์

“เชียบัตเตอร์ (Sheabutter)” เป็น น้ำมันสกัดจากธรรมชาติ จึงอุดมไปด้วยสารอาหารและวิตามินที่มีประโยชน์จำนวนมาก ซึ่งช่วยฟื้นฟูและบำรุงผิวพรรณ ให้สุขภาพดีและกระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ ด้วยคุณสมบัติดี ๆ เช่นนี้ “เชียบัตเตอร์ (Sheabutter)” จึงนิยมนำมาใช้เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์เพื่อความงาม ไม่ว่าจะเป็นสบู่ ครีมอาบน้ำ โลชั่นทาผิว ครีม ลิปสติก รวมไปถึงเครื่องสำอางเมคอัพต่าง ๆ ซึ่งคุณประโยชน์ที่จะได้รับเมื่อเราใช้ “เชียบัตเตอร์ (Sheabutter)” บำรุงผิวก็จะมีดังนี้

  1. ช่วยให้ ผิวชุ่มชื้นฉ่ำน้ำ “เชียบัตเตอร์ (Sheabutter)” เป็น น้ำมันสกัดธรรมชาติ มีความเข้มข้นสูงทำให้มีคุณสมบัติ เป็น มอยส์เจอร์ไรเซอร์ช่วยกักเก็บน้ำให้ชั้นผิว ลดการสูญเสียน้ำ ทำให้ผิวชุ่มชื้นได้ยาวนาน ลดปัญหาผิวแห้งกร้าน ผิวอักเสบลอกเป็นขุย ซึ่งเมื่อผิวเราชุ่มชื้นก็จะทำให้ผิวเต่งตึงยกกระชับไม่หย่อนคล้อย ริ้วรอยต่าง ๆ ก็จะตื้นขึ้นและจางลง เผยผิวที่เรียบเนียนใสน่าสัมผัส
  2. ช่วยปลอบประโลมผิว สืบเนื่องจากคุณสมบัติที่ช่วยเติมเต็มความชุ่มชื้นให้กับผิว จึงช่วยปลอบประโลมผิวให้ผ่อนคลาย มีวิตามินหลากหลายชนิด และกรดไขมันที่ช่วยลดการอักเสบระคายเคือง สามารถนำไปใช้บรรเทาอาการระคายเคืองผิว ช่วยรักษารอยแผลไหม้ รอยแดดเผา รวมไปถึงใช้ทารักษาผืนผดคันจากโรคผิวหนัง ช่วยปลอบประโลมผิวให้การอักเสบลดลง พร้อมทั้งยังสมานแผลให้ฟื้นตัวได้เร็วขึ้นอีกด้วย
  3. ช่วยฟื้นบำรุงผิวให้เนียนนุ่ม “เชียบัตเตอร์ (Sheabutter)” นั้นอุดมด้วยกรดไขมันดีที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย ไม่ว่าจะเป็น กรดปาลมิติ (Palmitic Acid) กรดสเตียริก (Stearic Acid) กรดโอเลอิก (Oleic Acid) กรดไลโนเลอิค (Linoleic Acid) และกรดอะราคิโดนิก (Arachidonic Acicd) ซึ่งช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิวเนียนนุ่ม สามารถใช้ทาบริเวณที่มีปัญหาหนังด้านหนังแข็งตามบริเวณตามข้อศอก ตาตุ่ม ก้น หรือส่วนอื่น ๆ ตามร่างกาย จะช่วยฟื้นบำรุงให้ผิวหนังนุ่มขึ้นและกลับมาเรียบเนียนน่าสัมผัส
  4. ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ใน “เชียบัตเตอร์ (Sheabutter)”จะมี วิตามินเอ (Vitamin A) ซึ่งมีคุณสมบัติเป็น anti-aging โดยกลไกของวิตามินจะเข้าไปจับกับตัวรับ RAR และ RXR ในเซลล์ผิว ส่งผลให้เกิดการกระตุ้นการแบ่งเซลล์ผิวใหม่ และยังยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ที่ถูกกระตุ้นโดยรังสียูวี ให้ออกมาทำลาย คอลลาเจน (Collagen) ช่วยให้ผิวยังคงเต่งตึง ยกกระชับ ปัญหาริ้วรอยร่องลึกต่าง ๆ จางลง เผยผิวที่อ่อนวัย
  5. ช่วยควบคุมไขมันส่วนเกิน “เชียบัตเตอร์ (Sheabutter)” มีคุณสมบัติ เป็น มอยส์เจอร์ไรเซอร์ จึงช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ซึ่งเมื่อผิวของเราชุ่มชื้นขึ้นแล้วก็จะผลิตไขมันส่วนเกินออกมาน้อยลง ทำให้หน้าของเราบางเบา โอกาสที่จะเกิดสิวต่าง ๆ จากการอุดตันของไขมันตามรูขุมขนก็ลดน้อยลง นอกจากนั้นยังช่วยลดการอักเสบของสิวและยังช่วยลดเลือนรอยแผลเป็นจากสิวและหลุมสิวให้จางขึ้นด้วย
  6. ช่วยบำรุงผมและหนังศีรษะ นอกจากจะช่วยฟื้นบำรุงดูแลผิวพรรณแล้ว “เชียบัตเตอร์ (Sheabutter)” ยังนำมาใช้กับการดูแลสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะด้วย เพราะด้วยความที่เป็น น้ำมันสกัดธรรมชาติ จึงช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับเส้นผม ลดปัญหาผมลีบแบบผมพันกัน ช่วยให้ผมนุ่มสลวยมีน้ำหนักเงางาม นอกจากนั้นยังมีวิตามินและสารอาหารหลายชนิดช่วยเติมสารอาหารให้กับผม ลดปัญหาผิวแตกปลาย พร้อมบำรุงรากผมให้แข็งแรง ลดปัญหาผมขาดหลุดร่วง ให้ผมสลวยเส้นต่อเส้นจากโคนจรดปลาย ไม่เพียงเท่านั้นยังช่วยเติมความชุ่มชื้นให้หนังศีรษะลดปัญหาหนังศีรษะแห้งคัน เชื้อราบนหนังศีรษะ รวมไปถึงปัญหารังแคอีกด้วย

การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ สําหรับผิวหน้า ให้เหมาะสมกับความต้องการของผิว

วิธีใช้ : ฟอกสบู่ให้เกิดฟอง ลูบไล้ทำความสะอาดทั่วใบหน้าและลำตัว เช่น บริเวณรักแร้ ซอกขาหนีบ ข้อศอก หรือบริเวณที่มีความหมองคล้ำ หลังจากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาด

เรียบเรียงและจัดทำโดย Sirikul Shop

รหัสสินค้า : 84050

เลขที่จดแจ้งผลิตภัณฑ์ : 13-1-6300003702

ขนาด กxยxส : –

น้ำหนัก/กิโลกรัม : 0.08

รีวิว

ยังไม่มีบทวิจารณ์

มาเป็นคนแรกที่วิจารณ์ “สบู่กลีเซอรีน ผสม วิตามิน ซี วิตามิน อี วิตามินบี 3 และ เชียบัตเตอร์ กิฟฟารีน ซี-อี ไวท์ ไวท์เทนนิ่ง โซพ (70 กรัม)”

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Shopping Cart
Scroll to Top