อาหารเสริม สารสกัดขมิ้นชัน ผสม วิตามินซี วิตามินอี และ สารสกัดพริกไทยดำ ชนิดแคปซูล กิฟฟารีน เคอร์คิวมา ซี-อี แมกซ์ (30 แคปซูล)
Giffarine Curcuma C-E Maxx : Dietary Supplement Turmeric Extract Mixed With Vitamin C Vitamin E and Black Pepper Extract Capsules (30 capsules)
เหนือกว่าผงขมิ้นชันทั่วไป ดูแลร่างกาย แบบเต็ม MAX ด้วยเทคโนโลยี PNS
กิฟฟารีน เคอร์คิวมา ซี-อี แมกซ์ เต็ม MAX ทุกสารสําคัญ เต็ม MAX ทุกแคปซูล ใน 1 แคปซูล ประกอบด้วย
- สารสกัดขมิ้นชัน 88.88 มก. (เทียบเท่าผงขมิ้นชัน 2,000 มก. ปริมาณมากที่สุดที่ อย. อนุญาตให้ใช้ ในผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร)
- กรดแอสคอร์บิก 60.00 มก. (ให้วิตามินซี 60 มก.)
- ดีแอล-แอลฟา-โทโคเฟอริลแอซีเทต 50% 30.00 มก. (ให้วิตามินอี 15 หน่วยสากล)
- สารสกัดพริกไทยดํา 5.26 มก. (ให้ Piperine 5 มก.)
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ ขมิ้นชัน และ เคอร์คูมินอยด์ เทคโนโลยี PNS จาก กิฟฟารีน
5 ข้อดี การันตีว่าเหนือกว่า ด้วย Curcuma C-E Maxx
- ให้สารสกัดขมิ้นชัน เข็มข้นกว่าเดิม 7 เท่า เดิมใช้ผงขมิ้นชัน 300 มก.
- 1 แคปซูล เทียบเท่า การทานผงขมิ้นชัน 2,000 มก. มากที่สุดที่ อย. อนุญาตให้ใช้ใน ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
- เสริมด้วย วิตามินซี และ วิตามินอี
- เพิ่มประสิทธิภาพการดูดซึม ด้วยสารสกัดขมิ้นชันที่ผลิตด้วย เทคโนโลยี PNS ร่วมกับ Piperine (สารสกัดพริกไทยดํา)
- ดูด ซึมได้ดีกว่า สารสกัดขมิ้นชันทั่วไปถึง 10 เท่า (อ้างอิงที่ 1) และดีกว่าสารสกัดขมิ้นชันที่ผลิต ด้วยเทคโนโลยีไฟโตโซมถึง 24เท่า (อ้างอิงที่ 2)
9 คุณประโยชน์ ของ เคอร์คูมินอยด์ (Curcuminoids) ในขมิ้นชัน
- ลดการเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือด หัวใจและสมอง
- บรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ลดการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร
- ต้านอักเสบและยับยั้งเอนไซม์ที่ทำให้เกิดการอักเสบ ช่วยบรรเทาอาการปวดในผู้ป่วยโรคข้อเข่าเสื่อม
- ลดระดับน้ำตาลในเลือด
- ยับยั้งเซลล์มะเร็ง
- ป้องกันอัลไซเมอร์
- กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน
- ปกป้องตับจากสารพิษ
- มีฤทธิ์ในการต้านเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส และเชื้อรา
ข้อจํากัดของ สารสกัดขมิ้นชัน ทั่วไป
มีข้อจํากัดเรื่องการดูดซึม ที่ทําให้ร่างกาย ไม่สามารถนําไปใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่
- ไม่คงตัว
- ไม่ละลายในทางเดินอาหาร
- ดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ยาก
นวัตกรรมใหม่เทคโนโลยี PNS (Polar and Non-Polar Sandwiching) เพิ่มประสิทธิภาพการดูดซึม
ด้วยยการจัดเรียงโมเลกุลใหม่ ให้เคอร์คูมินอยู่ตรงกลาง แล้วถูกประกบด้วยส่วนที่มีขั้วและไม่มีขั้ว ซึ่งมีลักษณะคล้ายแซนวิช ส่งผลให้ สารสกัดขมิ้นชัน ที่ผลิตด้วยเทคโนโลยี PNS
- มีความคงตัวไม่สลายตัวได้ง่าย
- สามารถละลายในทางเดินอาหารได้ดี
- ดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้มากขึ้น
เปรียบเทียบประสิทธิภาพการดูดซึม เมื่อรับประทานในปริมาณที่เท่ากัน พบว่า
สารสกัดขมิ้นชัน ที่ผลิตด้วย เทคโนโลยี PNS ดูดซึมได้ดีกว่า
- สารสกัดขมิ้นชันทั่วไป 10 เท่า
- Curcumin Volatile Oil 3.6 เท่า
- ขมิ้นชันที่ผลิตด้วย เทคโนโลยีไฟโตโซม 2.4 เท่า
เพิ่มประสิทธิภาพการดูดซึมอีกขั้นด้วย Piperine (สารสกัดพริกไทยดํา) ช่วยเพิ่มการดูดซึมและชะลอการเผาผลาญ สารสกัดขมิ้นชันได้ ส่งผลให้เพิ่มประสิทธิภาพ ของสารสกัดขมิ้นชัน ให้ออกฤทธิ์ได้ดียิ่งขึ้น
เทคโนโลยี PNS คืออะไร?
เพื่อช่วยเพิ่มการดูดซึม สาร “เคอร์คูมินอยด์ (Curcuminoids)” เทคโนโลยีใหม่ที่ช่วยเพิ่มการดูดซึมของสารเคอร์คูมินคือเทคโนโลยี Polar and Non-polar Sandwich (PNS) ซึ่งมีหลักการ พื้นฐานเรื่อง
- “โมเลกุลที่มีขั้ว” จะรวมตัวกับ “โมเลกุลที่มีขั้วด้วยกัน”
- และ “โมเลกุลที่ไม่มีขั้ว” จะรวมตัวกับ “โมเลกุลที่ไม่มีขั้ว” เข้าด้วยกัน
- โดยที่ “โมเลกุลที่มีขั้ว” จะไม่รวมตัวกับ “โมเลกุลที่ไม่มีขั้ว”
ซึ่ง “สารเคอร์คูมิน” ถือเป็น “โมเลกุลที่ไม่มีขั้ว” ขณะที่ “ผนังลําไส้” เป็น “กลุ่มที่มีขั้ว” จึงทําให้เคอร์คูมินถูกดูดซึมได้ยาก
เทคโนโลยี PNS นี้ เป็นการจัดเรียงโมเลกุลใหม่ (Complete Natural Turmeric Matrix; CNTM) โดยในขั้นแรก จะสกัดสารที่อยู่ใน ขมิ้นชันออกมาเป็น 3 กลุ่มใหญ่คือ
- เคอร์คูมิน (Curcumin)
- กลุ่มน้ํามันหอมระเหยที่ได้จากการ กลั่น ขมิ้น เช่น bisabolanes และ sesquiterpenes (กลุ่มไม่มีขั้ว)
- สารสกัดจากน้ําที่เป็นกลุ่มคาร์โบไฮเดรต ใยอาหารและโปรตีน (กลุ่มมีขั้ว)
จากนั้นใช้เทคโนโลยี PNS จัดเรียงให้ เคอร์คูมิน (Curcumin) ถูกประกบอยู่ ระหว่างส่วนที่มีขั้วและไม่มีขั้ว (จับให้อยู่ตรงกลาง) จึงถูกดูดซึมผ่านผนังลําไส้ได้ดีขึ้น และ ช่วยให้ถูกกําจัดออกได้ช้าลง ทําให้โดยรวมแล้ว ร่างกายสามารถ ดูดซึมไปใช้ (Bioavailability) ได้มากขึ้น (อ้างอิงที่ 60-62)
โดยมีงานวิจัยในผู้ชายสุขภาพดีอายุ 18-45 ปี จํานวน 12 คนพบว่า
“ขมิ้นชัน (Curcumin)” ที่ผลิตด้วยเทคโนโลยี PNS มีการดูดซึมของ เคอร์คูมินสูงกว่ารูปแบบสารสกัดแบบทั่วไปถึง 10 เท่า (ค่า Cmax)และ 5.5 เท่า (ค่า AUC) (อ้างอิงที่ 24)
และงานวิจัยในผู้ชายสุขภาพดีอายุ 18-45 ปี จํานวน 45 คนพบว่า
“ขมิ้นชัน (Curcumin)” ที่ผลิตด้วยเทคโนโลยี PNS มีการดูดซึมของเคอร์คูมิน สูงกว่ารูปแบบ Curcumin Volatile Oils ถึง 3.5 เท่า (ค่า Cmax) และ 7.3 เท่า (ค่า AUC) (อ้างอิงที่ 61)
“ขมิ้นชัน (Curcumin)” ที่ผลิตด้วยเทคโนโลยี PNS มีการดูดซึมของเคอร์คูมิน สูงกว่ารูปแบบ Curcumin Phospholipids หรือ Phytosome ถึง 2.4 เท่า (ค่า Cmax) และ 5.6 เท่า (ค่า AUC) (อ้างอิงที่ 61)
นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยอื่นที่ศึกษาที่ใช้สาร “Piperine (สารสกัดจากพริกไทย)” ซึ่งช่วยเพิ่มการดูดซึมและช่วยชะลอการเผาผลาญว่าการรับประทานเคอร์คูมินร่วมกับสารสกัดจากพริกไทยสามารถช่วยเพิ่มการดูดซึมสารเคอร์คูมินได้ (อ้างอิงที่ 63-65)
การศึกษาความปลอดภัยของขมิ้นชัน
การศึกษาพิษเฉียบพลันของ “ขมิ้นชัน (Curcumin)” ในหนู พบว่า ไม่ทําให้เกิด อาการพิษเฉียบพลัน และไม่ทําให้หนูตาย
ส่วนการศึกษาพิษเรื้อรัง ของ “ขมิ้นชัน (Curcumin)” ในหนู พบว่า ไม่ทําให้เกิดอาการพิษใดๆ รวมทั้งไม่มีผลต่อค่าทางโลหิตวิทยา หรือค่าเคมีคลินิก และไม่ทําให้เกิดอันตราย ต่ออวัยวะภายใน (อ้างอิงที่ 66)
ข้อควรระวัง
การใช้ขมิ้นชันเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารห้ามใช้ในผู้ที่มีท่อน้ําดีอุดตัน เด็กและสตรีมีครรภ์ไม่ควรรับประทาน (อ้างอิงที่ 67) ควรระวังหรือหลีกเลี่ยงในผู้ที่ได้รับยาต้านการแข็งตัวของเลือดและเกล็ดเลือด (อ้างอิงที่ 26)
โรค หรือ ภาวะที่จะแนะนำ ในการใช้ ขมิ้นชัน
- ผู้ที่มีพาหะไวรัสตับอักเสบบี ที่ตับไม่อักเสบมาก คือ มีระดับเอนไซม์ การทํางานของตับปกติ
- ผู้ที่ดื่มสุรา
- ผู้มีประวัติครอบครัว เป็นมะเร็ง
- บําารุงผิวพรรณ
- โรคธาลัสซีเมีย
- โรครูมาตอยด์
- โรคสะเก็ดเงิน
- โรคข้อเข่าเสื่อม
- โรคมะเร็งตับ, มะเร็งตับอ่อน, มะเร็งเม็ดโลหิตขาว, มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ, มะเร็งปอด, มะเร็งเต้านม, มะเร็งรังไข่, มะเร็งมดลูก, มะเร็งปากมดลูก,มะเร็งต่อมลูกหมาก, มะเร็งหลอดอาหาร, มะเร็งลําไส้ใหญ่, มะเร็งผิวหนัง,มะเร็งสมอง,มะเร็งต่อมน้ําเหลือง, และมะเร็งหู คอ จมูก
- โรคไข้หวัดใหญ่ สายพันธ์ เอ
- โรคกระเพาะอาหาร
- โรคจมูกอักเสบ ภูมิแพ้
- ผู้ป่วยเบาหวาน
- ผู้ป่วยโรคไขมัน พอกตับที่ไม่ได้เกิดจาก แอลกอฮอล์
ข้อห้าม ข้อควรระวัง ในการใช้ ขมิ้นชัน
- โรคนิ่วในถุงน้ําดี
- เด็กและสตรีมีครรภ์ ไม่ควรรับประทาน
- เป็นสมุนไพร จึงห้าม รับประทานในผู้ที่ตับอักเสบมาก คือมีค่า การทํางานของตับ เอนไซม์ SGOT SGPT มากกว่า 40 เบ X
- ควรระวังหรือหลีกเลี่ยงในผู้ได้รับยาต้านการ แข็งตัวของเลือด และ เกล็ดเลือด
วิตามินซี (Vitamin C)
“วิตามิน ซี (Vitamin C)” เป็น “สารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant)” ที่ดี มีส่วนช่วยในการสร้าง เนื้อเยื่อ “คอลลาเจน (Collagen)” จึงช่วยลดการเกิดริ้วรอยและช่วยป้องกันอันตรายจากรังสียูวีจากแสงแดด นอกจากนี้ยังสามารถลดภาวะการเกิดผิวหมองคล้ําได้อย่างนัยสําคัญ จึงเป็นส่วนสําคัญที่ช่วยให้ผิวพรรณแลดูกระจ่างใส และมีสุขภาพดี
ประโยชน์ของ วิตามินซี (Vitamin C) ในผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
มีบทบาทในระบบ “ปฏิกิริยาไฮดร๊อกซิเลชั่น (Hydroxylation)” ของ “โพรลีน (Proline)” เพื่อสร้าง “คอลลาเจน (Collagen)” ซึ่งเป็นองค์ประกอบของกระดูก กระดูกอ่อน ฟัน และผนังเส้นเลือด ช่วยเพิ่มการดูดซึมของเหล็ก ถ้าขาดจะมีเลือดออกตามไรฟัน อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร เหงือกบวม ฟันหลุดง่าย
- มีส่วนช่วยในการทําหน้าที่ตามปกติของระบบภูมิคุ้มกัน
- มีส่วนช่วยในกระบวนการต่อต้านอนุมูลอิสระ
- มีช่วยให้หลอดเลือดแข็งแรง
- มีส่วนช่วยในการสร้างคอลลาเจนเพื่อการทํางานตามปกติของผิวหนัง
วิตามิน อี (Vitamin E)
“วิตามิน อี (Vitamin E)” เป็น “สารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant)” ป้องกันการแตกสลายของเยื่อหุ้มเซลล์ ทําให้เม็ดเลือดแดง ไม่แตกง่าย และจําเป็นต่อการเจริญและพัฒนาต่อเซลล์ประสาท
“วิตามิน อี (Vitamin E)” เป็น “สารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant)” ซึ่งจะไป “ทำให้เป็นกลาง (Neutralized)” ของการเกิด “อนุมูลอิสระ (Free radicals)” ดังนั้น “วิตามิน อี (Vitamin E)” เป็น สิ่งสำคัญในการดูแลรักษาผิว
มีการศึกษาวิจัยที่ชี้ให้เห็นว่า “วิตามิน อี (Vitamin E)” ช่วยลด “โรคสะเก็ดเงินเกิดผื่นแดง (Psoriasis erythema)” และช่วยลดการเสี่ยงการเกิดมะเร็งผิวหนัง ช่วยรักษาแผลเป็น และช่วยลดริ้วรอยบนผิว
และจากการศึกษาพบว่า ผิวหนังในบริเวณที่มีต่อมไขมันมาก เช่น ใบหน้า จะมีปริมาณของ “วิตามิน อี (Vitamin E)” มากกว่าบริเวณแขนถึง 20 เท่า เนื่องจากต่อมไขมัน เป็นช่องทางที่สำคัญ ในการหลั่ง “วิตามิน อี (Vitamin E)” ออกสู่ผิวหนัง
ประโยชน์ของ วิตามิน อี
ประโยชน์ของการใช้ ผลิตภัณฑ์ ที่มีส่วนผสมของ วิตามิน อี ในการป้องกันและรักษาผิวพรรณ
- ช่วยลดอัตราการทำลายของแสงแดด ที่ทำให้เกิดรอยแดง
- ลดอัตราการเกิดมะเร็งผิวหนังจากแสงแดด
- ช่วยชลอความชราภาพของผิว ลดริ้วรอยเหี่ยวย่น แตกลาย
- การให้ความชุ่มชื้นและ ลดความหยาบกร้านของผิวพรรณ
จะเห็นได้ว่า “วิตามิน อี (Vitamin E)” มีคุณสมบัติในการช่วยป้องกันผิวและช่วยบำรุงรักษาผิวและช่วยป้องกันอันตรายที่เกิด จากรังสีอุลตร้าไวโอเล็ตได้อีกด้วย
เอกสารอ้างอิง
- Gopi S. 2015. Asian Joumal of Pharmaceutical Technology & Innovation.
- Gopi S. et al. 2017. Phytother Res.
เรียบเรียงและจัดทำโดย Sirikul Shop
รหัสสินค้า : 41036
เลขที่จดแจ้งผลิตภัณฑ์ : 13-1-03440-5-0031
ขนาด กxยxส : 9.5x12x3
น้ำหนัก/กิโลกรัม : 0.05
กิฟฟารีน เคอร์คิวมา ซี-อี แมกซ์ (30 แคปซูล)
ส่วนประกอบที่สำคัญโดยประมาณใน 1 แคปซูล: |
สารสกัดขมิ้นชัน 88.88 มก. (เทียบเท่าผงขมิ้นชัน 2,000 มก. ปริมาณมากที่สุดที่อย.อนุญาตให้ใช้ในผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร) |
กรดแอสคอร์บิก 60.00 มก. (ให้วิตามินซี 60 มก.ปริมาณมากที่สุดที่อย.อนุญาตให้ใช้ในผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร) |
ดีแอล-แอลฟา-โทโคเฟอริล แอซีเทต 50% 30.00 มก. (ให้วิตามินอี 15 หน่วยสากล ปริมาณมากที่สุดที่อย.อนุญาตให้ใช้ในผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร) |
สารสกัดพริกไทยดำ 5.26 มก. (ให้ Piperine 5 มก.ปริมาณมากที่สุดที่อย.อนุญาตให้ใช้ในผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร) |
วิธีรับประทาน: วันละ 1 แคปซูล หลังอาหาร |
รีวิว
ยังไม่มีบทวิจารณ์