อาหารเสริม น้ำมันปลา ผสม วิตามินอี ชนิดแคปซูล กิฟฟารีน น้ำมันปลา (500-1000 มก.) (50-90 แคปซูล)

200฿540฿

มาเติม โอเมก้า 3 ให้ร่างกาย ได้ทุกวัน

น้ำมันปลาคุณภาพจาก กิฟฟารีน สกัดจากปลาทะเลน้ำลึกที่มี EPA และ DHA ผลิตจากโรงงานคุณภาพ ได้รับการรับรอง มาตรฐาน GHPs จากสำนัก รับรอง ระบบคุณภาพ (สสร.) วัตถุดิบมีคุณภาพตามมาตรฐาน ทางเภสัชและมาตรฐาน GOED (Global Organization for EPA and DHA Omega-3)

มี 2 ขนาดให้เลือก :

  • กิฟฟารีน น้ำมันปลา 500 มก. ผสมวิตามิน อี
  • กิฟฟารีน น้ำมันปลา 1,000 มก. ผสมวิตามิน อี

อาหารเสริม น้ำมันปลา ผสม วิตามินอี ชนิดแคปซูล กิฟฟารีน น้ำมันปลา (500-1000 มก.) (50-90 แคปซูล)

Giffarine Fish oil : Fish Oil Dietary Supplement Mixed with Vitamin E Capsule Type (500-1000 mg.) (50-90 capsules)

มาเติม โอเมก้า 3 ให้ร่างกาย ได้ทุกวัน

น้ำมันปลาคุณภาพจาก กิฟฟารีน สกัดจากปลาทะเลน้ำลึกที่มี EPA และ DHA ผลิตจากโรงงานคุณภาพ ได้รับการรับรอง มาตรฐาน GHPs จากสำนัก รับรอง ระบบคุณภาพ (สสร.) วัตถุดิบมีคุณภาพตามมาตรฐาน ทางเภสัชและมาตรฐาน GOED (Global Organization for EPA and DHA Omega-3)

มี 2 ขนาดให้เลือก :

  • กิฟฟารีน น้ำมันปลา 500 มก. ผสมวิตามิน อี
  • กิฟฟารีน น้ำมันปลา 1,000 มก. ผสมวิตามิน อี

น้ํามันปลา แหล่งสําคัญของกรดไขมัน โอเมก้า 3โอเมก้า 3 เป็นกรดไขมันจําเป็นที่ร่างกายสังเคราะห์เองไม่ได้ และต้องได้รับจากอาหารในปริมาณที่เพียงพอ

กรดไขมันโอเมก้า 3 ประกอบไปด้วย กิฟฟารีน น้ำมันปลา
EPA กิฟฟารีน น้ำมันปลา
  • ช่วยลดคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL) และไตรกลีเซอไรด์
  • เพิ่มคอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL)
  • ช่วยลดความหนืดและทําให้เลือดไหลเวียนได้ดี
  • ป้องกันหลอดเลือดตีบและอุดตัน จึงช่วยป้องกันสาเหตุหลักของการ เกิดโรคหัวใจล้มเหลวได้
DHA กิฟฟารีน น้ำมันปลา
  • มีส่วนช่วยในการบํารุงสมอง
  • ทําให้เซลล์สมองแข็งแรง
  • ช่วยให้สารอาหารและออกซิเจนไปเลี้ยงสมองได้สะดวกขึ้น
  • เพิ่มประสิทธิภาพการทํางานของเซลล์สมอง

สุดยอดคุณประโยชน์ ของนํามันปลากับการดูแลสุขภาพ

นํ้ามันปลากับการบําารุงสมอง
  • ช่วยให้คิดไวขึ้น
  • ความจําดี
  • สมองสดชื่น ไม่อ่อนล้า
  • ป้องกันโรคสมองเสื่อม หรืออัลไซเมอร์

คุณประโยชน์ของน้ํามันปลา กับการดูแลสุขภาพ ของคุณ

น้ํามันปลา แหล่งสําคัญของกรดไขมัน โอเมก้า 3

โอเมก้า 3 เป็นกรดไขมันจําเป็นที่ร่างกายสังเคราะห์เองไม่ได้ และต้องได้รับจากอาหารในปริมาณที่เพียงพอ

กรดไขมันโอเมก้า 3 ประกอบไปด้วย EPA
  • ช่วยลดคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL) และไตรกลีเซอไรด์
  • เพิ่มคอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL)
  • ช่วยลดความหนืดและทําให้เลือดไหลเวียนได้ดี
  • ป้องกันหลอดเลือดตีบและอุดตัน จึงช่วยป้องกันสาเหตุหลักของการ เกิดโรคหัวใจล้มเหลวได้
  • ช่วยลดอาการอักเสบที่เกิดจากโรคข้อเสื่อม และข้ออักเสบรูมาตอยด์

กรดไขมันโอเมก้า 3 ประกอบไปด้วย DHA
  • มีส่วนช่วยในการบํารุงสมอง
  • ทําให้เซลล์สมองแข็งแรง
  • ช่วยให้สารอาหารและออกซิเจนไปเลี้ยงสมองได้สะดวกขึ้น
  • เพิ่มประสิทธิภาพการทํางานของเซลล์สมอง

น้ำมันปลา แตกต่างจาก น้ำมันตับปลา อย่างไร ?

นํ้ามันปลา & นํ้ามันตับปลา ชื่อคล้ายแต่ไม่เหมือนกันนะ

นํ้ามันปลา (Fish oil) สกัดได้จาก : ส่วนหัวและเนื้อ ของปลาทะเลน้ําลึก

  • ให้กรดไขมันไม่อิ่มตัวกลุ่มโอเมก้า 3
  • ประกอบไปด้วยดีเอชเอ (DHA) มีบทบาทในการพัฒนาสมอง
  • อีพีเอ(EPA) ช่วยในการลดระดับไตรกลีเซอไรด์

น้ํามันตับปลา (Cod liver oil) สกัดได้จาก : ตับ ของปลาทะเล

  • ให้วิตามินเอ และวิตามินดีสูง ซึ่งทําหน้าที่ในการบํารุงร่างกายทั่วไป

น้ํามันปลาที่ดีต้องดูอย่างไร

ต้องมี สารสําคัญที่ดี

  • ต้องมีกรดไขมันไม่อืมตัวชนิดโอเมก้า 3 ที่ประกอบไปด้วย DHA และ EPA ในสัดส่วนและปริมาณที่เหมาะสม
  • DHA : EPA = 1:2 หรือ 2:3
  • ใน 1,000 มก. ควรมี DHA + EPA > 200 มก.

ต้องมาจาก แหล่งทีดี

  • ผลิตจากโรงงานที่น่าเชื่อถือ และได้รับการรับรองมาตรฐาน GMP, BRC และ ISO9001
  • วัตถุดิบมีคุณภาพตามมาตรฐาน ทางเภสัชและมาตรฐาน GOED (Global Organization for EPA and DHA Omega-3)
  • นําเข้าจากประเทศที่เป็นแหล่งของปลาที่มีโอเมก้า 3 สูง

ประโยชน์ของนํ้ามันปลาในแต่ละช่วงวัย
  • ทารกและสตรีมีครรภ์ เพื่อพัฒนาการเรียนรู้และการเจริญเติบโตของสมอง
  • วัยเรียน เสริมสร้างสมาธิ และเพิ่มประสิทธิภาพการทํางานของสมอง
  • วัยทํางาน เสริมสร้างสมาธิ และเพิ่มประสิทธิภาพการทํางานของสมอง และลดความเสี่ยงการเกิดโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น ไขมันในเลือดสูง โรคหัวใจ เป็นต้น
  • ผู้สูงอายุ เพื่อป้องกันภาวะสมองเสื่อม หรือโรคอัลไซเมอร์ และบรรเทา อาการของโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น โรคข้อเสื่อม โรคเบาหวาน เป็นต้น

น้ํามันปลา คุณภาพ คูณ 3 ถ้ากิฟฟารีนเลือกแล้ว ต้องดีที่สุด

พิถีพิถันในการ เลือกวัตถุดิบ ที่มาจากแหล่ง ที่มีคุณภาพ…

  • มีมาตรฐานและความปลอดภัยสูงสุด
  • สกัดจากทุกส่วนของปลา
  • สกัดจากปลาหลากหลายชนิดจากทะเลแถบทวีปยุโรป อเมริกาใต้ และแอฟริกาเหนือซึ่งเป็นทะเลที่ขึ้นชื่อเรื่องคุณภาพของปลา
  • นํามาสกัดเป็นน้ํามันปลาที่ประเทศไอซ์แลนด์

ผลิตจากโรงงานคุณภาพ… ได้รับการรับรอง ระบบประกันคุณภาพ GMP ระดับสากล

วัตถุดิบมีคุณภาพตามมาตรฐาน ทางเภสัชและมาตรฐาน GOED (Global Organization for EPA and DHA Omega-3) มีความเข้มงวดในการควบคุมปริมาณสารสําคัญ และการควบคุมสารปนเปื้อน และสารตกค้างต่างๆจากสิ่งแวดล้อม เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของผู้บริโภค

ประโยชน์ ของ น้ำมันปลา (Fish Oil)

นํ้ามันปลา กับ การบํารุงสมอง
  • ช่วยให้คิดไวขึ้น
  • ความจําดี
  • สมองสดชื่น ไม่อ่อนล้า
  • ป้องกันโรคสมองเสื่อม หรืออัลไซเมอร์

น้ํามันปลา กับ การดูแลหัวใจ
  • ช่วยลดคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL) และไตรกลีเซอไรด์ และเพิ่มคอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL)
  • ช่วยลดความข้นหนืดของเลือด ทําให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น
  • ป้องกันหลอดเลือดอุดตัน จากการจับตัวของเกล็ดเลือด
  • ป้องกันการเกิดตะกอน (Plaque) สาเหตุของหลอดเลือดตีบและอุดตัน

น้ํามันปลา กับโรคข้อเสื่อมและโรคและข้ออักเสบรูมาตอยด์
  • ช่วยลดการสร้างสาร ที่ทําให้เกิดการอักเสบ จึงช่วยลดการอักเสบ และบวมของข้อได้

ทราบ หรือ ไม่? น้ำมันปลา มีสัดส่วนของ EPA:DHA อย่างไร?

ปกติแล้ว น้ำมันปลา จะประกอบด้วยกรดไขมันหลัก 2 ชนิด คือ EPA และ DHA ซึ่งจะมีการปรับสัดส่วนของ EPA:DHA ให้เหมาะสมกับความต้องการที่แตกต่างกัน

  • น้ำมันปลา ที่มีสัดส่วนของ EPA:DHA เป็น 3:2 เช่น มี EPA 180 มก. และ DHA 120 มก. เหมาะกับการดูแลสุขภาพโดยรวม ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดและหัวใจ ลดอาการอักเสบของข้อต่างๆ และ บำรุงสมองโดยรวม
  • น้ำมันปลา ที่มีสัดส่วนของ EPA:DHA เป็น 1:5 เช่น EPA 100 มก. และ DHA 500 มก. หรือ DHA มากกว่าสูตรปกติถึง 4 เท่า จะเน้นการส่งเสริม พัฒนาการทางสมอง เพิ่มการเรียนรู้และจดจำ รวมทั้งลดความเสี่ยงต่อการเกิด อัลไซเมอร์ อีกด้วย

คำถามเกี่ยวกับ น้ำมันปลา

Q: โอเมก้า 3 ในน้ำมันปลา แตกต่างจากโอเมก้า 6 อย่างไร?

A: โอเมก้า 3 และ 6 เป็นไขมันที่ไม่อิ่มตัวเชิงซ้อนทั้งคู่ โดย:

  • โอเมก้า 3 มักพบอยู่ในอาหารจำพวกปลาและอาหารทะเล ทำหน้าที่ช่วยยับยั้งการอักเสบ ข้ออักเสบรูมาตอยด์ ป้องกันโรคหัวใจ ป้องกันมะเร็ง โรคอัลไซเมอร์ สมองเสื่อม จอประสาทตาเสื่อม
  • โอเมก้า 6 มักพบอยู่ในน้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันปาล์ม หากรับประทานมากเกินไปอาจทำให้เกิดการอักเสบ และอาจเกิดโรคร้ายต่างๆตามมา

Q: เราสามารถได้รับโอเมก้า 3 จากแหล่งไหนได้บ้าง และมีวิธีการเลือกทานอย่างไร?

A: แหล่งของโอเมก้า 3 มีอยู่ 2 แหล่ง ดังนี้

  • โอเมก้า 3 จากปลาทะเล ให้สารสำคัญในรูปของ EPA และ DHA
  • โอเมก้า 3 จากพืช เช่น น้ำมันถั่วดาวอินา น้ำมันเมล็ดแฟลกซ์ เป็นต้น ที่ให้สารสำคัญในรูปของ ALA แนะนำในผู้ที่แพ้ปลา หรืออาหารทะเล
    โดย ALA จะต้องถูกเปลี่ยนเป็น EPA และ DHA ก่อน จึงจะดูดซึมไปใช้ได้ ดังนั้นโอเมก้า 3 จากปลาทะเลจะถูกดูดซึมและนำไปใช้ได้ไวกว่า

Q: น้ำมันปลาช่วยลดการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจและสมองได้อย่างไร?

A: น้ำมันปลาช่วยลดระดับไขมันในเลือดชนิดไตรกลีเซอร์ไรด์ (Triglycerides) และลดการเกาะตัวของเกล็ดเลือด ทำให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น จึงลดโอกาสการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจและสมองได้

Q: น้ำมันปลาช่วยลดการอักเสบได้อย่างไร เมือเทียบกับยาต้านการอักเสบ?

A: ยาต้านอักเสบ จะไปยับยั้งขั้นตอนสุดท้ายของการอักเสบ แต่น้ำมันปลาจะไปยับยั้งสารที่ทำให้เกิดการอักเสบ ซึ่งเป็นการยับยั้งที่ต้นเหตุ จึงมีความปลอดภัยและได้ผลดีกว่า สามารถทานต่อเนื่องได้โดยไม่ต้องหยุดเหมือนยาต้านอักเสบ

Q: ประโยชน์อื่นๆของโอเมก้า 3 ในน้ำมันปลา มีอะไรบ้าง?

A: ประโยชน์อื่นๆของโอเมก้า 3 ในน้ำมันปลา มีดังนี้

  • ลดภาวะซึมเศร้าได้ โดยเข้าไปยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ที่ทำลายเซโรโทนิน (Serotonin)
  • ป้องกันและรักษาโรคกล้ามเนื้อถดถอยอ่อนแรง (Sarcopenia) ในกลุ่มผู้สูงอายุได้
  • ช่วยให้มีการเรียนรู้และความทรงจำที่ดีขึ้น และมีประโยชน์ในการส่งเสริมสุขภาพการทำงานของสมองในผู้สูงอายุ

Q: ประโยชน์โดยรวมของน้ำมันปลามีอะไรบ้าง?

A: ประโยชน์ด้านอื่นๆของน้ำมันปลามีดังนี้

  • ช่วยให้คิดไวขึ้น ความจำดี สมองสดชื่น ไม่อ่อนล้า
  • ป้องกันโรคสมองเสื่อม หรืออัลไซเมอร์
  • ช่วยลดคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL) และไตรกลีเซอรไรด์ และเพิ่มคอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL)
  • ช่วยลดความข้นหนืดของเลือด ทำให้เลือดไหลเวียนดี
  • ป้องกันหลอดเลือดอุดตันจากการจับตัวของเกล็ดเลือด จึงช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคหลอดเลือดและสมองได้
  • ช่วยลดการสร้างสารที่ทำให้เกิดการอักเสบ จึงช่วยลดการอักเสบและบวมของข้อได้

Q: ใครสามารถทานน้ำมันปลาได้บ้าง?

A: น้ำมันปลาให้โอเมก้า 3 ซึ่งร่างกายเราไม่สามารถสร้างขี้นเองได้ ดังนั้นจึงสามารถรับประทานได้ทุกเพศ ทุกวัย โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการดูแลตัวเอง เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการเกิดโรคต่างๆ

Q: ในแต่ละช่วงวัยต้องทาน น้ำมันปลาเท่าไหร่ เพื่อให้เพืยงพอต่อความต้องการในแต่ละวัน

A: ในแต่ละช่วงวัยต้องทาน น้ำมันปลาเท่าไหร ตามตารางดังนี้

ช่วงอายุ EPA-DHA (mg.) FISH OIL (mg.) คิดเป็นแคปซูล
2 – 4 ปี 100 – 1500 300 – 500 500 มก. 1 แคปซูล
4 – 6 ปี 150 – 200 500 – 670 500 มก. 1 แคปซูล
6 – 10 ปี 200 – 250 670 – 830 500 มก. 1 – 2 แคปซูล
มากกว่า 10 ปี 250 – 2,000* 830 – 6,670 1,000 มก. 1 – 7 แคปซูล

Q: ประโยชน์ของ น้ำมันปลา ในแต่ละช่วงวัย

ทารกและสตรีมีครรภ์ เพื่อพัฒนาการเรียนรู้ และ การเจริญเติบโตของสมอง
วัยเรียน เสริมสร้างสมาธิ และ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสมอง
วัยทำงาน เสริมสร้างสมาธิ และ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสมอง และ ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น ไขมันในเลือดสูง โรคหัวใจ เป็นต้น
ผู้สูงอายุ ป้องกันภาวะสมองเสื่อม หรือโรคอัลไซเมอร์ และ บรรเทาอาการของโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น โรคข้อเสื่อม โรคเบาหวาน เป็นต้น

Q: ในการรับประทานน้ำมันปลา มีข้อห้าม ข้อควรระวังหรือไม่?

A: ข้อห้าม ข้อควรระวัง ของการทานน้ำมันปลามีดังนี้:

  • ควรหลีกเลี่ยงการเสริมน้ำมันปลาในผู้ป่วยที่ได้ยาต้านเกร็ดเลือด (เช่น แอสไพริน) และยาต้านการแข็งตัวของเลือด (เช่น วาร์ฟาริน)
  • ผู้ที่แพ้อาหารทะเล มักแพ้โปรตีนจากอาหารจึงสามารถทานน้ำมันปลาได้ แต่หากมีความผิดปกติ เช่นผื่นผิวหนัง คลื่นไส้ ไม่สบายท้อง ก็ต้องหยุดทาน

Q: ในการเลือกซื้อน้ำมันปลา เราควรพิจารณาจุดใดบ้าง

A: เราควรพิจารณาจาก:

  • น้ำมันปลาที่ดีต้องมี DHA และ EPA ในสัดส่วนที่เหมาะสม คือ DHA:EPA = 1:2 หรือ 2:3
  • ใน 1,000 มก. ควรมี DHA + EPA มากกว่า 200 มก.
  • น้ำมันปลาต้องนำเข้าจากประเทศที่เป็นแหล่งของปลาที่มีโอเมก้า 3 สูง
  • มีคุณภาพตามมาตรฐานของเภสัชและมาตรฐาน GOED (Global Organization for EPA and DHA Omega-3)
  • ต้องผลิตจากโรงงานที่เชื่อถือได้ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน GMP, BRP, และ ISO 9001

ดังนั้นการรับประทานอาหาร หรือ อาหารเสริมที่มีส่วนประกอบของ กรดโดโคซาเฮกซาอีโนอิก หรือ DHA จะมีส่วนสำคัญในการเสริมพัฒนาการในเด็กที่เป็นโรคสมาธิสั้น และผู้ป่วยออทิสติก นอกจากนี้ยังลดความเสี่ยงในการเป็น โรคอัลไซเมอร์ และมีส่วนช่วยในการพัฒนาสมอง เพิ่มการเรียนรู้ และการจดจำได้อีกด้วยนะครับ

เรียบเรียงและจัดทำโดย Sirikul Shop

น้ํามันปลา 1000 mg / 90 เม็ด รหัสสินค้า : 40205

เลขที่จดแจ้งผลิตภัณฑ์ : 13-1-03337-5-0004

ขนาด กxยxส : 6.5×6.5×11.5

น้ำหนัก/กิโลกรัม : 0.16

นํ้ามันปลา 1000 mg / 50 เม็ด รหัสสินค้า : 40206

เลขที่จดแจ้งผลิตภัณฑ์ : 13-1-03337-5-0004

ขนาด กxยxส : 5.5×5.5×10

น้ำหนัก/กิโลกรัม : 0.10

น้ํามันปลา 500 mg / 90 เม็ด รหัสสินค้า : 40207

เลขที่จดแจ้งผลิตภัณฑ์ : 13-1-03337-5-0005

ขนาด กxยxส : 5.5×5.5×10

น้ำหนัก/กิโลกรัม : 0.10

นํ้ามันปลา 500 mg / 50 เม็ด รหัสสินค้า : 40208

เลขที่จดแจ้งผลิตภัณฑ์ : 13-1-03337-5-0005

ขนาด กxยxส : 5.5×5.5×10

น้ำหนัก/กิโลกรัม : 0.07

น้ำมันปลา 500 มก. ผสมวิตามิน อี

ส่วนประกอบที่สำคัญโดยประมาณใน 1 แคปซูล:
น้ำมันปลาจากปลาทะเล 68.49%
ดี-แอลฟา-โทโคเฟอริล แอซิเทต คอนเซนเทรต 0.28%
ใน 1 แคปซูล มีน้ำมันปลา 500 มก. ประกอบด้วย:
กรดไอโคซาเพนทาอีโนอิก (อีพีเอ) 90 มก.
กรดโดโอซาเฮกซาอีโนอิก (ดีเอชเอ) 60 มก.
กรดไขมันอิ่มตัว 145 มก.
น้ำมันปลา กิฟฟารีน ผสมวิตามิน อี 500 มก.
น้ำมันปลา 1,000 มก. ผสมวิตามิน อี

ส่วนประกอบที่สำคัญโดยประมาณใน 1 แคปซูล:
น้ำมันปลาจากปลาทะเล 68.49%
ดี-แอลฟา-โทโคเฟอริล แอซิเทต คอนเซนเทรต 0.28%
ใน 1 แคปซูล มีน้ำมันปลา 1,000 มก. ประกอบด้วย:
กรดไอโคซาเพนทาอีโนอิก (อีพีเอ) 180 มก.
กรดโดโอซาเฮกซาอีโนอิก (ดีเอชเอ) 120 มก.
กรดไขมันอิ่มตัว 290 มก.

 

 

ตัวเลือก

น้ำมันปลา 500 มก. 50 แคปซูล, น้ำมันปลา 500 มก. 90 แคปซูล, น้ำมันปลา 1000 มก. 50 แคปซูล, น้ำมันปลา 1000 มก. 90 แคปซูล

รีวิว

ยังไม่มีบทวิจารณ์

มาเป็นคนแรกที่วิจารณ์ “อาหารเสริม น้ำมันปลา ผสม วิตามินอี ชนิดแคปซูล กิฟฟารีน น้ำมันปลา (500-1000 มก.) (50-90 แคปซูล)”

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Shopping Cart
Scroll to Top