,

เจลอาบน้ำ ผสม มอยส์เจอไรเซอร์ และ สารสกัดจากว่านหางจระเข้ กลิ่นเกรซ กิฟฟารีน เกรซ ชาวเวอร์ เจล (300 มล.)

180฿

กลิ่นหอม ละมุนจากดอกไม้ นานาชนิด

อีกระดับของการอาบน้ํา ด้วยกลิ่นหอมสุดพรีเมียม กิฟฟารีน เกรซ ชาวเวอร์ เจล ฟองนุ่มละมุน มอบผิวที่เนียนนุ่ม น่าสัมผัส เนื้อเจลใส และมีกลิ่นหอม ละมุนจากดอกไม้ นานาชนิด คงความชุ่มชื้นให้ผิว ด้วยสมุนไพรจากธรรมชาติ “ว่านหางจระเข้” (Aloe Vera) อุดมด้วยสารอันทรงคุณค่า สกินคอนดิชั่นเนอร์ (Skin Conditioner) และ มอยส์เจอไรเซอร์ (Moisturizer) คงความชุ่มชื่นให้ผิว

Availability: มีสินค้าอยู่ 20

เจลอาบน้ำ ผสม มอยส์เจอไรเซอร์ และ สารสกัดจากว่านหางจระเข้ กลิ่นเกรซ กิฟฟารีน เกรซ ชาวเวอร์ เจล (300 มล.)

Giffarine Greace Shower Gel : Shower Gel Mixed With Moisturizer and Aloe Vera Extract Grace scent (300 ml.)

กลิ่นหอม ละมุนจากดอกไม้ นานาชนิด

อีกระดับของการอาบน้ํา ด้วยกลิ่นหอมสุดพรีเมียม กิฟฟารีน เกรซ ชาวเวอร์ เจล ฟองนุ่มละมุน มอบผิวที่เนียนนุ่ม น่าสัมผัส เนื้อเจลใส และมีกลิ่นหอม ละมุนจากดอกไม้ นานาชนิด คงความชุ่มชื้นให้ผิว ด้วยสมุนไพรจากธรรมชาติ “ว่านหางจระเข้” (Aloe Vera) อุดมด้วยสารอันทรงคุณค่า สกินคอนดิชั่นเนอร์ (Skin Conditioner) และ มอยส์เจอไรเซอร์ (Moisturizer) คงความชุ่มชื่นให้ผิว

วิธีใช้ : บีบชาวเวอร์เจลลงบนฝ่ามือหรือฟองน้ำ ลูบไล้จนเกิดเป็นฟองให้ทั่วเรือนร่างแล้วล้างออก

เจลอาบน้ำ กิฟฟารีน ซีรี่ย์

ดูแลผิวให้สะอาดสดใส ขจัดความอ่อนล้า ทั้งภายในและภายนอก พร้อมถนอมบํารุงผิวให้อ่อนนุ่ม และบันดาลให้เกิดความรู้สึกที่ผ่อนคลาย ทําความสะอาดผิวได้อย่างหมดจด ล้างออกง่าย อ่อนละมุน ไม่ทําให้ผิวแห้งตึง อุดมด้วยสารอันทรงคุณค่า สกินคอนดิชั่นเนอร์ (Skin Conditioner) และ มอยส์เจอไรเซอร์ (Moisturizer) คงความชุ่มชื่นให้ผิว พร้อมสมุนไพรจากธรรมชาติ “ว่านหางจระเข้” (Aloe Vera) และ “ดอกคาโมไมล์” (Chamomile) ให้ผิวนุ่ม น่าสัมผัส มี 3 กลิ่นหอมให้คุณเลือก เกรซ (Greace) เจวาลิน (Jevalin) และ พีช (Peach)

มอยเจอร์ไรเซอร์

มอยส์เจอไรเซอร์ (Moisturizer) คือ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ที่มีคุณสมบัติ ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวและช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น ทำให้ผิวนุ่มและอิ่มน้ำมากขึ้น ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพและป้องกันการสร้างน้ำมันส่วนเกินบนผิวหนัง ทั้งยังปกป้องผิวจากปัญหาผิวแห้งกร้าน ลอกเป็นขุย คันและระคายเคือง โดย มอยส์เจอไรเซอร์ (Moisturizer) อาจมีหลายเนื้อสัมผัสและหลายประเภท เช่น ครีม ขี้ผึ้ง โลชั่น สูตรน้ำ สูตรน้ำมัน ซึ่งอาจเหมาะสมกับสภาพผิวที่แตกต่างกันไป

ประโยชน์ของ มอยเจอร์ไรเซอร์

การใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ให้เหมาะกับสภาพผิวเป็นประจำอาจให้ประโยชน์ต่อผิว ดังนี้

  1. ช่วยเพิ่มและกักเก็บความชุ่มชื้นภายในผิว ทำให้ผิวดูอิ่มน้ำ อ่อนนุ่ม ชุ่มชื้นและเรียบเนียนมากขึ้น
  2. ช่วยปกป้องผิวจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง เช่น อากาศแห้ง เย็น ซึ่งอาจส่งผลทำให้ผิวแห้งกร้าน ผิวแตก ลอก คันและระคายเคือง ทั้งยังอาจช่วยป้องกันปัญหาผิวขาดน้ำ
  3. ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ ส่งผลทำให้ผิวมีความสม่ำเสมอและเรียบเนียนมากขึ้น
  4. ช่วยลดเลือนริ้วรอยและความเหี่ยวย่น สำหรับมอยเจอร์ไรเซอร์ที่มีส่วนผสมของวิตามินเออาจช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนที่เป็นโครงสร้างของผิวหนัง ทำให้ผิวแข็งแรงและมีความยืดหยุ่นมากขึ้น
วิธีเลือกมอยเจอร์ไรเซอร์ให้เหมาะกับผิว

การเลือกมอยเจอร์ไรเซอร์ให้เหมาะกับสภาพผิวของแต่ละคน อาจช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของมอยเจอร์ไรเซอร์ในการบำรุงผิวได้ ดังนี้

  • สภาพผิวปกติ เป็น ลักษณะของผิวที่แข็งแรง มีความสมดุลของน้ำมันและความชุ่มชื้นบนผิว ควรเลือกมอยเจอร์ไรเซอร์ประเภทเนื้อครีมหรือเจลที่มีความบางเบา ที่อาจมีส่วนผสมของกรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid) ไดเมทิโคน (Dimethicone) ว่านหางจระเข้ และกลีเซอรีน (Glycerin)
  • สภาพผิวผสม เป็น ลักษณะของผิวผสมระหว่างผิวแห้งกับผิวมัน โดยผิวอาจแห้งและมันบางบริเวณ เช่น ผิวอาจมันมากบริเวณทีโซน (T-Zone) หน้าผาก จมูก คาง ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาผิว เช่น รูขุมขนกว้าง สิวอุดตัน ที่อาจเกิดขึ้นเฉพาะจุด จึงควรเลือกมอยเจอร์ไรเซอร์ประเภทที่มีความบางเบาทาในบริเวณทีโซน ซึ่งเป็นบริเวณที่ผิวมัน และประเภทครีมที่มีความหนักกว่าในส่วนที่ผิวแห้ง โดยอาจมีส่วนผสมของกรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) และทีทรีออยล์ (Tea Tree Oils) ที่มีส่วนช่วยในการผลัดเซลล์ผิว ลดความมันในบริเวณที่ผิวมัน และช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นในบริเวณที่ผิวแห้ง
  • สภาพผิวแห้ง เป็น ลักษณะของผิวที่ขาดความชุ่มชื้น ส่งผลทำให้ผิวดูหมองคล้ำ แห้ง แตก ลอก ผิวตึงและขาดความยืดหยุ่น ควรเลือกมอยเจอร์ไรเซอร์ประเภทน้ำมัน เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น ซึ่งอาจมีส่วนผสมของกรดไฮยาลูโรนิก ไดเมทิโคน (Dimethicone) ลาโนลิน (Lanolin) น้ำมันแร่ (Mineral Oil) พาราฟินเหลว (Liquid Paraffin) ปิโตรลาทัม (Petrolatum) โพรพิลีน ไกลคอล (Propylene Glycol) ยูเรีย (Urea) โจโจ้บาออยล์ (Jojoba Oil) น้ำมันอัลมอนด์ น้ำมันจมูกข้าวสาลี น้ำมันมะพร้าว น้ำมันละหุ่ง น้ำมันเมล็ดองุ่น เชียบัตเตอร์ (Shea Butter) ขี้ผึ้ง (Beeswax Cholesterol) สควาลีน (Squalene) กรดไขมัน กรดแลคติก (Lactic Acid) และซูโดเซอราไมด์ (Pseudo-Ceramides)
  • สภาพผิวมันและเป็นสิวง่าย เป็น ลักษณะของผิวที่มันกว่าปกติ เนื่องจากผิวผลิตน้ำมันส่วนเกินออกมามากขึ้น ทำให้ผิวมันวาว รูขุมขนกว้าง อาจทำให้เป็นสิวได้ง่ายขึ้น ควรเลือกมอยเจอร์ไรเซอร์ประเภทที่ไม่ก่อให้เกิดสิวและไม่อุดตันรูขุมขน โดยอาจมีส่วนผสมของกรดไกลโคลิก (Glycolic Acid) กรดไฮยาลูโรนิก เรตินอล (Retinol) สควาลีน ทีทรีออยล์ และกรดซาลิไซลิก
  • สภาพผิวบอบบาง แพ้ง่าย เป็น ลักษณะของผิวที่อ่อนแอ บอบบาง ระคายเคืองง่ายและไวต่อสิ่งกระตุ้น เช่น แสงแดด มลภาวะ เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว การเสียดสีกับเนื้อผ้าบางชนิด อาจทำให้มีอาการผื่นแดง คัน แสบร้อน ผิวอักเสบ ผิวลอก ควรเลือกมอยเจอร์ไรเซอร์ประเภทที่ปราศจากน้ำหอม ปราศจากสารก่อภูมิแพ้และมีส่วนผสมน้อย อาจมีส่วนผสมของว่านหางจระเข้และกลีเซอรีน
  • สภาพผิวที่เสื่อมตามอายุ เป็น ลักษณะของผิวที่อาจพบได้บ่อยในผู้สูงอายุ เนื่องจาก การเสื่อมสภาพของเซลล์ผิวหนัง อาจทำให้ผิวอ่อนแอ ขาดความยืดหยุ่น ริ้วรอยเหี่ยวย่นหรือมีจุดด่างอายุ ควรเลือกมอยเจอร์ไรเซอร์ที่มีความเข้มข้นของน้ำมันและโปรตีนผิว ซึ่งอาจมีส่วนผสมของปิโตรลาทัม โจโจ้บาออยล์ น้ำมันมะพร้าว คอลลาเจน อีลาสติน (Elastin) และเคราติน (Keratin) เพื่อให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว และกระตุ้นการสร้างความแข็งแรงของผิวหนัง

ว่านหางจระเข้

ว่านหางจระเข้” (Aloe Vera) เป็นไม้ล้มลุกอยู่ในวงศ์  XANTHORRHOEACEAE มีถิ่นกำเนิดที่บริเวณชายทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและทางตอนใต้ของทวีปแอฟริกา มีลักษณะเด่นคือมีลำต้นปล้องสั้น ใบหนายาวและใหญ่ สีเขียวอ่อน โดยลักษณะพิเศษของ “ว่านหางจระเข้” (Aloe Vera) คือ มีใบอวบน้ำ ข้างในใบจะมีวุ้นใสอัดแน่นอยู่

หลายคนสงสัยว่าวุ้นใสๆ ในใบของว่านหางจระเข้คืออะไร? จริงๆ แล้ววุ้นของ “ว่านหางจระเข้” (Aloe Vera) คือ “ยาง” ของใบอวบอ้วนของมันนั่นเอง นอกจากสรรพคุณเด่นๆ ที่เราคุ้นเคยคือ รักษาแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก ลดรอยแผล ความโดดเด่นของใบอวบน้ำ “ว่านหางจระเข้” (Aloe Vera) ยังมีส่วนที่มีสรรพคุณ เป็น ยาด้วย ทั้งราก และดอก เรียกได้ว่าสมุนไพรชนิดนี้มีประโยชน์ทั้งต้นเลยทีเดียว จนถูกขนานนามว่า “สมุนไพรมหัศจรรย์แห่งธรรมชาติ

ประโยชน์ ของ ว่านหางจระเข้
  1. ว่านหางจระเข้ อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยชะลอวัย
  2. เปลือกของว่านหางจระเข้ มีสรรพคุณ เป็น ยาระบายอ่อนๆ อีกทั้งช่วยป้องกันอาการท้องผูกได้
  3. ว่านหางจระเข้ ช่วยลดการเกิดแผลในลำไส้ และกระเพาะอาหาร สามารถทานได้ทั้งในขณะท้องว่าง ก่อนหรือหลังอาหารก็ได้
  4. เนื้อวุ้นของว่านหางจระเข้ แก้โรคกระเพาะ และโรคลำไส้อักเสบได้
  5. เนื้อวุ้นของว่านหางจระเข้ ช่วยรักษาโรคเบาหวานได้ โดยนำเนื้อวุ้นมาปั่นดื่ม หรือสับเนื้อวุ้นให้ละเอียดผสมกับน้ำผึ้งเล็กน้อยทานก็ได้
  6. เนื้อวุ้นของว่านหางจระเข้ ช่วยบรรเทาอาการจากริดสีดวงทวาร และช่วยลดอาการเจ็บปวดทวารได้
  7. รากของว่านหางจระเข้ มีสรรพคุณ แก้โรคหนองในได้
  8. ว่านหางจระเข้ มีฤทธิ์ช่วยฆ่าเชื้อโรคในแผล ช่วยสมานแผล รักษาแผลสด และช่วยให้แผลเป็นแห้งเร็วขึ้น
  9. ใบว่านหางจระเข้ ช่วยรักษาฝี เนื่องจากว่านหางจระเข้มีฤทธิ์เย็น จึงนำมาตำใช้พอกรักษาฝีได้
  10. ว่านหางจระเข้ ช่วยแก้อาการท้องผูก ถ่ายเป็นเลือดได้
  11. ว่านหางจระเข้ ช่วยให้รอยแผลเป็นจางลง ช่วยให้ผิวที่เกิดรอยแตกแห้งชุ่มชื่นขึ้น จึงป้องกันรอยดำจากแผลตกสะเก็ด หรือรอยดำของสิวได้
  12. ว่านหางจระเข้ ช่วยป้องกันแดด เนื่องจากเนื้อวุ้นของว่านหางจระเข้นอกจากจะทำให้ผิวอิ่มน้ำแล้วยังช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดได้ด้วย
  13. เนื้อวุ้นของว่านหางจระเข้ ช่วยรักษาแผลไฟไหม้ และช่วยลดรอยไหม้บนผิวหนังได้
  14. ว่านหางจระเข้ เป็นพืชเย็น ช่วยเยียวยาอาการบาดเจ็บทั้งภายนอกและภายในร่างกายได้
  15. ว่านหางจระเข้ มีสรรพคุณ รักษาฝ้าได้ โดยนำวุ้นจากใบว่านหางจระเข้มาทาบางๆ ก่อนนอน

ดอกคาโมมายล์

สารสกัดจาก “ดอกคาโมมายล์” (Camomile) เป็นที่นิยมนำมาเป็นส่วนผสมของผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ซึ่ง “ดอกคาโมมายล์” (Camomile) จัดเป็นพืชในตระกูลดอกเดซี่ เป็นสมุนไพรที่นิยมมาตั้งแต่ยาวนาน อย่างชาวกรีกและอียิปต์โบราณมักใช้ “ดอกคาโมมายล์” (Camomile) มาทาลงบนผิวเพื่อรักษารอยแดง ผื่นแดง และความแห้งกร้าน เพราะมีฤทธิ์ต่อต้านการอักเสบและช่วยปลอบประโลมผิว รวมถึงยังมีคุณสมบัติช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายและช่วยในการนอนหลับ สารสกัดธรรมชาติจาก “ดอกคาโมมายล์” (Camomile) มีคุณประโยชน์ต่อผิว ดังนี้

ประโยชน์ ของ ดอกคาโมมายล์
1. ช่วยปลอบประโลมผิวแพ้ง่าย ลดการอักเสบของผิว

สารสกัดจาก “ดอกคาโมมายล์” (Camomile) มีคุณสมบัติช่วยป้องกันการถูกทำลายของเซลล์และเนื้อเยื่อร่างกายจากอนุมูลอิสระ เพราะประกอบด้วยสารแอนตี้ออกซิแดนท์ กลุ่มฟลาโวนอยด์ (Flavonoids) หลายตัว และมีกรดฟีโนลิก (Phenolic acids) ซึ่งช่วยบรรเทาความรุนแรงของรอยแดงที่เกิดจากการอักเสบ โดยสารแอนตี้ออกซิแดนท์ที่ชื่อ อะพิจีนิน (Apigenin) จะเข้าไปยับยั้งกระบวนการที่ก่อให้เกิดการอักเสบของผิวหนัง และยังช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์และเนื้อเยื่ออีกด้วย

รวมถึงมีงานวิจันที่พบว่า ครีมบำรุงผิวที่มีสารสกัดจาก “ดอกคาโมมายล์” (Camomile) สามารถช่วยลดการอักเสบในผู้ที่มีอาการผิวหนังอักเสบจากกลาก ช่วยลดระดับการแพ้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สารสกัดจาก ดอกคาโมมายล์ จึงมักถูกใช้เพื่อลดอาการอักเสบของผิวหนัง จากการถูกแสงแดดเผา ผด ผื่นแดง ดังนั้น หากเลือกผลิตภัณฑ์ ที่มีส่วนผสมของสารสกัดจาก “ดอกคาโมมายล์” (Camomile) ก็จะช่วยปลอบประโลมผิวแพ้ง่ายที่อาจถูกทำร้ายจนเกิดอาการคัน ผด ผื่นร้อน ผื่นแดง ช่วยให้ลูกสบายตัวขึ้น

2. ช่วยเสริมเกราะปกป้องผิว จากมลภาวะภายนอก

สารสกัดจาก “ดอกคาโมมายล์” (Camomile) มีกรดไขมันหลายชนิดที่ช่วยเสริมเกราะปกป้องผิวหนัง และช่วยลดการระคายเคืองผิวจากปัจจัยภายนอกที่ทำร้ายผิวเด็ก เช่น แสงแดด ฝุ่น มลภาวะ สภาพอากาศ สารเคมี ฯลฯ ที่มักจะเข้ามาก่อกวนจนผิวที่บอบบางจนเสียสมดุลและมักทำลายเยื่อหุ้มเซลล์ผิวเด็ก ซึ่งถ้าเยื่อหุ้มเซลล์ผิวถูกทำลาย สิ่งแปลกปลอมก็จะจู่โจมทำให้ระคายเคืองผิวนั่นเอง

นอกจากนี้สารสกัดจาก “ดอกคาโมมายล์” (Camomile) มีสารที่ช่วยต่อต้านเชื้อรา แบคทีเรีย และไวรัสก่อโรคผิวหนัง เช่น เชื้อไวรัสเริม เป็นต้น โดยมีงานวิจัยที่พบว่า ครีมบำรุงผิวที่มีสารสกัดจาก “ดอกคาโมมายล์” (Camomile) สามารถช่วยรักษา สมานแผล และมีฤทธิ์ต้านแบคทีเรียในแผลที่ติดเชื้อได้ เมื่อเทียบกับครีมที่ไม่มีสารสกัดจาก “ดอกคาโมมายล์” (Camomile) เป็นส่วนผสม

ซึ่งสารสกัดจาก “ดอกคาโมมายล์ (Camomile)” มีความอ่อนโยนและสามารถใช้ติดต่อกันได้โดยไม่พบผลข้างเคียง ดังนั้น หากเลือกผลิตภัณฑ์ ที่มีส่วนผสมจากสารสกัดธรรมชาติจาก “ดอกคาโมมายล์ (Camomile)” ต่อเนื่องเป็นประจำ จะช่วยให้ผิวที่ยังพัฒนาไม่เต็มที่ ค่อยๆ แข็งแรงขึ้น ไม่แพ้ง่าย พร้อมกับช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวไม่แห้งหยาบกร้าน

3. ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย หลับสบาย

สารสกัดจาก “ดอกคาโมมายล์” (Camomile) ขึ้นชื่อเรื่องคุณสมบัติที่ช่วยในเรื่องของการนอนหลับ เพราะมีฤทธิ์คลายวิตกกังวล ทำให้รู้สึกจิตใจสงบ และเสริมคุณภาพการนอนหลับให้ดีขึ้น โดยพบว่าสารประกอบ 3 ชนิด ได้แก่ อะพิจีนิน (Apigenin) ไบโซโพรลอล (Bisoprolol) และ คามาซูลีน (Chamazulene) ที่มีสรรพคุณในการผ่อนคลาย นอกจากนี้ในสารสกัดยังพบ สารกาบา (GABA) ซึ่งเป็นสารสื่อประสาท กลุ่มเดียวกับสารเซโรโทนิน (Serotonin) ที่ช่วยให้ร่างกายรู้สึกสงบและง่วง ที่มีหน้าที่ยับยั้งหรือลดการทำงานของเซลล์ประสาท จึงช่วยทำให้สมองรู้สึกผ่อนคลาย ลดความวิตกกังวล เพราะมีกลิ่นหอมละมุนอ่อนๆ สามารถช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย สบายตัว หลับยาวได้ตลอดคืน

เรียบเรียงและจัดทำโดย Sirikul Shop

รหัสสินค้า : 16918

เลขที่จดแจ้งผลิตภัณฑ์ : 10-1-5852123

ขนาด กxยxส : 9×15.5×4.5

น้ำหนัก/กิโลกรัม : 0.35

รีวิว

ยังไม่มีบทวิจารณ์

มาเป็นคนแรกที่วิจารณ์ “เจลอาบน้ำ ผสม มอยส์เจอไรเซอร์ และ สารสกัดจากว่านหางจระเข้ กลิ่นเกรซ กิฟฟารีน เกรซ ชาวเวอร์ เจล (300 มล.)”

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Shopping Cart
Scroll to Top